miscellaneous, Thai Book Review แนะนำหนังสือ, Uncategorized

Good Friday 1964 แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ M9.2 ที่เปลี่ยนภูมิศาสตร์โลกใน 4 นาที

Good Friday 1964
วันที่แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ อแลสกา สั่นสะเทือน เกิดสึนามิสูงเท่าตึก 22 ชั้น !!!

ในประวัติศาสตร์ของสหรัฐอเมริกา มีไม่กี่วันเท่านั้น ที่เปลี่ยนแปลงความเข้าใจของมนุษย์ต่อ “พลังของโลก” ได้อย่างถาวร หนึ่งในนั้นคือ  วันที่ 27 มีนาคม ค.ศ.1964  ( วันศุกร์ประเสริฐ หรือ Good Friday )  วันซึ่งควรจะเป็นวันแห่งความสงบในศาสนาคริสต์ แต่กลับกลายเป็นวันที่เกิด แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ พื้นดินของรัฐ อแลสกา พลิกตัวราวกับสัตว์ป่าที่ดิ้นหลุดจากการกักขัง !!!

เสียงคำรามใต้พื้นโลก

เสาวรส และ พีช : เปรี้ยวจี๊ดจ๊าดของเสาวรสที่มาพร้อมความหวานฉ่ำของพีช (Peach) เป็นคู่หูที่ลงตัวที่สุดสำหรับวันที่ต้องการความกระปรี้กระเปร่า

 

เสียงต่ำๆ คล้ายคำราม  เริ่มดังขึ้นจากใต้เท้าเบื้องล่างของแผ่นดิน ก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ผู้คนบางส่วนคิดว่าเป็นเสียงเครื่องบิน บางคนคิดว่า เป็นเพียงรถบรรทุกวิ่งผ่านถนน ที่มีน้ำแข็งเกาะ แต่ไม่กี่วินาทีต่อมา ทุกคนก็รับรู้ในแบบเดียวกัน….  ” นี่คือแผ่นดินไหว “

เวลา 17:36 น.  เย็นวันศุกร์ที่ 27 มีนาคม ค.ศ. 1964   คือวันที่ผู้คนในอะแลสกาส่วนใหญ่  กำลังเตรียมตัวสำหรับเทศกาลอีสเตอร์ บางบ้านกำลังเตรียมอาหาร บางคนกลับจากที่ทำงาน บางพื้นที่หิมะยังปกคลุมขาวโพลน มันเป็นวันธรรมดาๆ ที่ไม่มีสัญญาณใดๆ บอกล่วงหน้าว่า ในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า พื้นดินอันแข็งแกร่งที่พวกเขายืนอยู่ จะ “ไหล” ราวกับเป็นผืนทราย !!!  จากแผ่นดินไหวที่รุนแรงที่สุดเท่าที่สหรัฐอเมริกาเคยเผชิญ  ด้วยขนาด 9.2 แมกนิจูด  มันมากพอที่จะทำให้พื้นดินบางส่วนของอแลสกาจมลงไปเกือบ 2 เมตร และบางพื้นที่ถูกยกสูงขึ้นกว่า 10 เมตร ในชั่วพริบตาเดียว

แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ กินเวลายาวนานเกือบสี่นาทีครึ่งดูเป็นช่วงระบะเวลาสั้นๆ แต่สำหรับคนที่อยู่ในเหตุการณ์  มันเหมือนชั่วนิรันดร์….

  • ระยะเวลาการแรงสั่น ที่ยาวนานที่สุดครั้งหนึ่ง ในศตวรรษ

    ผู้รอดชีวิตรายหนึ่งเล่าว่า ทุกอย่างเริ่มจากการโยกเบาๆ เหมือนฟืนในเตียงไฟ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นแรงกระชาก ขึ้นลงที่ทำให้ผู้คนต้องเกาะทุกสิ่งที่อยู่ใกล้ที่สุด พื้นดินที่เคยมั่นคง กลับกลายเป็นของวัตถุอ่อนย้วย ที่กระเพื่อมไปมาราวกับทะเลสาป ที่ถูกสั่นในชามแก้ว   อาคารพังลง ขณะกำลังยกตัวขึ้น ไม่ใช่เพราะแรงกระแทก แต่เพราะพื้นโลก “เคลื่อน” อย่างต่อเนื่อง และยาวนานจนสิ่งปลูกสร้าง ที่ออกแบบตามมาตรฐานยุคนั้น ไม่มีทางทนได้   เมืองท่า Seward ถูกไฟไหม้ หลังถังเก็บน้ำมันถูกทำลาย  ขณะที่ท่าเรือ Valdez ทรุดตัว และถูกคลื่นสึนามิซัดจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม …

แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ Alaska Earthquake
“Alaska Earthquake March 27, 1964. The waterfront at Seward, looking south, before it was devastated by earthquake-generated underwater landslides, surge- waves, and tsunami waves. The small boat harbor, the railroad yards, the large docks, and other water facilities were removed by the underwater landslides.”

สหรัฐฯ ทั้งประเทศรับรู้แรงสั่นสะเทือนจากเหตุการณ์ แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ นี้  แม้รัฐที่อยู่ห่างไกลอย่าง Texas หรือ Louisiana ก็ยังยืนยันว่า พวกเขารู้สึกถึงแรงไหวเบาๆ   … นี่ไม่ใช่แผ่นดินไหวธรรมดา แต่เป็นการดีดตัวของแผ่นเปลือกโลกทั้งผืนที่ส่งแรงสะเทือนทะลุไปถึงแกนของทวีปอเมริกาเหนือ

  • ทำไมมันถึงรุนแรงขนาดนั้น ?

ถึงจะดูเหมือนเป็นเหตุการณ์เหนือธรรมชาติ   แต่จริงๆ แล้ว มันคือ “ธรรมชาติของโลก” ตามแบบฉบับของมัน …. 

อะแลสกา อยู่บนรอยต่อระหว่างแผ่นเปลือกโลกแปซิฟิก (Pacific Plate) ที่กำลังดันตัวเข้าใต้แผ่นอเมริกาเหนือ (North American Plate) กระบวนการที่เรียกว่า subduction  แรงสั่นสะเทือนจึงรุนแรงพอที่จะทำให้ภูมิประเทศทั้งภูมิภาคเปลี่ยนรูปถาวร บางพื้นที่ของอะแลสกายกขึ้นเกือบ 10 เมตร ในขณะที่บางหมู่บ้านถูกกดลงจนระดับน้ำทะเลสูงขึ้นมาท่วมแทบทั้งชุมชน

แผ่นดินไหวครั้งใหญ่
ภาพที่คุณเห็นนี้เป็นภาพที่สร้างขึ้นด้วย DALL·E ซึ่งเป็นโมเดลสร้างภาพของ OpenAI และถูกออกแบบให้จำลอง “ขนาดคลื่น” ของเหตุการณ์ Good Friday 1964

🌊 ภัยพิบัติคู่ขนาน สึนามิหลังแผ่นดินไหว คลื่นมรณะที่พรากชีวิต

    เพียงไม่กี่นาทีหลังการสั่นสะเทือนสิ้นสุดลง คลื่นยักษ์ก็ เริ่มเกิดขึ้นตามแนวชายฝั่ง อแลสกา

ใน Prince William Sound คลื่นสูงกว่า 67 เมตร  (ซึ่งเกิดจาก  ดินถล่มใต้น้ำ หรือเรียกว่า Submarine Landslides  มวลดินขนาดมหาศาล ดิ่งลงทะเล ปรากฎภาพสึนามิ  (Local Tsunami) ที่สูงเทียบเท่ากับตึกสูงประมาณ 20-22 ชั้น พุ่งเข้าชนแนวป่า  และบ้านเรือนในเขตอ่าว เป็นภาพที่ผู้รอดชีวิตกล่าวว่า “ไม่มีใครคิดว่ามนุษย์จะยืนอยู่ต่อหน้ามันได้”

แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ Good Friday 1964
ชายฝั่งที่ยกตัวขึ้นที่ Prince William Sound / Montague Island — รอยยกชายฝั่ง (uplift) แสดงว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้เปลี่ยน “ระดับพื้นดิน / ชายฝั่ง” อย่างถาวร — เป็นหลักฐานทางธรณีวิทยาที่ชัดเจน

สึนามิที่เกิดจากการขยับตัวของแผ่นเปลือกโลก  (Tectonic Tsunami)   ยังเดินทางไปไกลถึงแคลิฟอร์เนียและฮาวาย เมือง Crescent City ในแคลิฟอร์เนียถูกคลื่นสูงกว่า 4 เมตร พัดเข้าใส่กลางดึก ทำให้เกิดความสูญเสียในระดับที่ผู้คนคาดไม่ถึง

     นี่คือสิ่งที่ทำให้แผ่นดินไหวปี 1964 แตกต่าง และอันตรายอย่างยิ่ง เพราะไม่ใช่แค่การสั่นสะเทือนของแผ่นดิน แต่คือ คลื่นสึนามิ ที่ตามมาอย่างรวดเร็วและรุนแรงที่สุดเท่าที่เคยมีบันทึก

ถึงแม้เหตุการณ์จะรุนแรงระดับโลก (อันดับ 2 ของโลก)  แต่มีผู้เสียชีวิตเพียง 131 คน ซึ่งถือว่าน้อยมาก เมื่อเปรียบกับขนาดของแผ่นดินไหว  สาเหตุหลัก  คือ ผู้คนใน อแลสกา ยังอาศัยกันเบาบาง และหลายพื้นที่ยังไม่มีอาคารสูงที่พังทลายง่ายเหมือนเมืองใหญ่ ….    แต่จำนวนที่ “น้อย” นี้ ต้องแลกมาด้วยเรื่องราวที่หนักหนา เช่น

  • คนจำนวนมากหายไปพร้อมพื้นดินที่ทรุดลงเหมือนถูกกลืน
  • หลายครอบครัวถูกคลื่นสึนามีกระชากทั้งบ้านทั้งชีวิต
  • ผู้รอดชีวิตต้องอยู่ในอุณหภูมิติดลบโดยไม่มีไฟฟ้าหรือที่พัก

ภัยพิบัติครั้งนี้ทำให้สหรัฐฯ ตระหนักว่า “ความเสียหายจากสึนามิ” อาจเป็นตัวที่อันตรายพอ ๆ กับแผ่นดินไหวเอง

โอกาสเกิด แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ รุนแรงระดับ 9.0+
ในอนาคต จะมีขึ้นอีกหรือไม่ ?

เราตอบได้ตามหลักธรณีวิทยา คือ เกิดขึ้นได้แน่นอน ในอนาคต แต่ ไม่มีใครทำนายเวลาได้

  1. แผ่นดินไหวระดับ 9.0+ เกิดจากการมุดตัวของแผ่นเปลือกโลก (Megathrust Earthquake)

Good Friday 1964 เกิดบนเขตมุดตัว (Subduction Zone) ระหว่างแผ่น Pacific กับ North American
แผ่นดินไหวระดับ “ยักษ์” มักเกิดเฉพาะบริเวณแบบนี้เท่านั้น เช่น

  • อแลสกา
  • ชิลี
  • ญี่ปุ่น (โทโฮคุ 2011)
  • อินโดนีเซีย (สุมาตรา 2004)
  • Cascadia (สหรัฐฯ–แคนาดาฝั่งตะวันตก)

ถ้ายังมีการมุดตัว ก็ยังมีโอกาสเกิดอีกเสม

  1. อแลสกา ยังสะสมพลังงานอยู่ตลอดเวลา

หลังเหตุการณ์ปี 1964 แม้พลังงานจำนวนมากถูกปล่อยออกไปแล้ว …แต่ขอบแผ่นเปลือกโลกยังคงเคลื่อนที่ทุกปี  พื้นที่ที่มีศักยภาพที่สุดในอแลสกาที่อาจมี “เมกะแผ่นดินไหว” อีก ได้แก่

  • เขต Prince William Sound (จุดเดิมของ Good Friday 1964) – ปัจจุบันยังมี After-slip และการสะสมพลังงานบางส่วน
  • เขต Aleutian Trench – บริเวณนี้เคยเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6–9.2 มาแล้วหลายครั้งในประวัติศาสตร์

นักธรณีวิทยามองว่า “มีโอกาส” แต่เป็นโอกาสในระดับทศวรรษถึงศตวรรษ แต่ ไม่ใช่ปีต่อปี

  1. สถิติแสดงว่า แผ่นดินไหวระดับ 9.0+ เกิดทุก 30–100 ปีบนโลก

มันไม่ใช่เรื่องผิดปกติเลยครับ  แม้จะเป็นเหตุการณ์ใหญ่  มนุษย์แค่มักจำเฉพาะเหตุการณ์ที่สร้างความเสียหายมาก

ตัวอย่างช่วงเวลา 

  • 1960 ชิลี (M 9.5)
  • 1964 อแลสกา (M 9.2)
  • 2004 สุมาตรา (M 9.1–9.3)
  • 2011 ญี่ปุ่นโทโฮคุ (M 9.1)

เฉลี่ยแล้ว  โลกมักมีแผ่นดินไหวระดับเมกะ  ทุกไม่กี่สิบปี นี่คือ “ธรรมชาติของโลก”

  1. แล้วจะเกิดในชีวิตเราหรือไม่?

อาจเกิด  แต่โอกาสไม่สูงเท่าความกลัวของคนทั่วไป 
….แผ่นดินไหวระดับ 9.0+ ต้องการเงื่อนไขเฉพาะ 3 ข้อนี้ครับ

  • แนวรอยเลื่อนยาวหลายร้อยกิโลเมตร
  • การมุดตัวของแผ่นเปลือกโลก
  • การสะสมพลังงานยาวนานหลายร้อยปี

ดังนั้น  แม้จะ “มีโอกาส” แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่วงรอบยาวมาก

และ ข่าวดีคือ  ในปัจจุบันมนุษย์เตรียมพร้อมได้ดีกว่าเดิมมาก

หลังจาก Good Friday 1964 โลกได้พัฒนาระบบรับมือภัยพิบัติอย่างก้าวกระโดด:

  • ระบบเตือนสึนามิที่แม่นยำกว่าเดิมหลายสิบเท่า
  • โครงสร้างอาคารที่ออกแบบให้ทนแรงสั่นสะเทือน
  • เครือข่าย GPS ที่ตรวจจับการเคลื่อนตัวของแผ่นดินได้ละเอียดระดับมิลลิเมตร
  • การศึกษาสังคม–จิตวิทยาภัยพิบัติที่ช่วยให้การอพยพมีประสิทธิภาพขึ้น

โอกาสเกิด” ไม่ได้ลดลง แต่ “โอกาสรอด” สูงกว่าอดีตมาก
พอจะสบายใจขึ้นมาบ้างมั้ย ครับ ?

📖  บทเรียนจาก Good Friday : พลังงานของโลกไม่เคยหมดอายุ

เหตุการณ์ใน อแลสกา ไม่ได้เพียงทำลายเมือง แต่ยังทำให้มนุษย์ตระหนักว่า โลกที่เรายืนอยู่ทุกวัน นั้นคือพื้นผิวบางๆ ที่ลอยอยู่บนพลังงานมหาศาลใต้เปลือกโลก และไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าว่ามันจะปลดปล่อยเมื่อใด ….

นักธรณีวิทยา ระบุว่า รอยเลื่อนแบบ Subduction Zone ไม่ได้ปลดปล่อยพลังงานบ่อยครั้ง แต่เมื่อถ้ามันปล่อย ก็จะเป็นระดับมหาอภิมหาภัยพิบัติ ดังเช่น  อแลสกา 1964  , ชิลี 1960 หรือสึนามิปี 2004 ที่ไทยได้รับผลกระทบ

ประชาสัมพันธ์

.

kombucha by scoby do it

.

สิ่งที่ Good Friday ทิ้งไว้ให้โลก  ไม่ใช่เพียงภาพของอาคารที่พังทลาย แต่เป็นการตระหนักว่า แผ่นดินที่เราคิดว่ามั่นคงที่สุด อาจเป็นของที่เปราะบางที่สุด …

    แม้จะเป็นหายนะครั้งใหญ่ แต่แผ่นดินไหวครั้งนี้ได้มอบข้อมูลอันล้ำค่าให้กับนักวิทยาศาสตร์  เราได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกลไกของรอยเลื่อนมุดตัว การเกิดสึนามิ และการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลกในครั้งนี้  สำหรับเป็น “รากฐานสำคัญ” ในการพัฒนาระบบเตือนภัยสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิก และทำให้เราเข้าใจหลักการของ ธรณีแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลก (Plate Tectonics) ได้ดียิ่งขึ้น

Good Friday 1964 จึงไม่ใช่เพียงแค่เรื่องเล่าถึงความสูญเสีย แต่คืออนุสรณ์เตือนใจถึงพลังที่ยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ และเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้  ที่ช่วยให้มนุษย์สามารถรับมือกับภัยพิบัติในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

📽️ วิดีโอนี้จะช่วยเปิดภาพเหตุการณ์ Good Friday 1964 ให้ชัดเจนขึ้น ตั้งแต่จังหวะการฉีกขาดของรอยเลื่อนแถบอะแลสกา ไปจนถึงคลื่นสึนามิที่ลุกขึ้นเหมือนกำแพงน้ำสูงหลายสิบเมตร แอนิเมชันในวิดีโอจะพาเห็นว่าเปลือกโลกเคลื่อนที่อย่างไร ทำไมแรงสั่นสะเทือนจึงยาวนานกว่าปกติ และเพราะเหตุใดพื้นที่ชายฝั่งหลายเมืองจึงจมหายไปในไม่กี่นาที เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ต้องการ “เห็นภาพจริง” ของพลังมหาศาลที่คำบรรยายในบทความเพียงอย่างเดียวไม่อาจถ่ายทอดได้ครบถ้วน.

YouTube player

 

📽️  วิดีโอนี้  คือหนึ่งในหลักฐานภาพเคลื่อนไหวที่ดีที่สุดของเหตุการณ์ Good Friday 1964—ฟุตเทจจริงจากวันที่พื้นดินในอะแลสกาถูกฉีกเปิดเป็นรอยแตก ถนนพังทลาย และเมืองทั้งเมืองสั่นสะเทือนอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ภาพและคำอธิบายจะช่วยให้ผู้อ่านเห็นชัดว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่ “ข้อมูลในหนังสือประวัติศาสตร์” แต่เป็นแรงสั่นที่เปลี่ยนภูมิประเทศและชีวิตผู้คนในชั่วพริบตา หากต้องการเข้าใจความรุนแรงของเหตุการณ์นี้อย่างแท้จริง คลิปนี้คือสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม.

YouTube player

 

📚 แหล่งอ้างอิงสำคัญ

  • U.S. Geological Survey (USGS) — “The 1964 Great Alaska Earthquake and Tsunami” (ข้อมูลทางธรณีวิทยา สาเหตุ ผลกระทบ และผลระยะยาว) USGS+1
  • Encyclopaedia Britannica — “Alaska earthquake of 1964” (สรุปข้อเท็จจริงสำคัญ: ขนาด, พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ, การเปลี่ยนแปลงพื้นดิน ฯลฯ) Encyclopedia Britannica
  • HISTORY.com — บทความ “Strongest earthquake in U.S. history rocks Alaska” (เล่าเหตุการณ์ ความเสียหาย และสึนามิ) HISTORY+1
  • Scientific American — บทความ “March 27, 1964: The Great Alaskan Earthquake” (ภาพรวมด้านธรณีวิทยา ผลทางภูมิประเทศ และ “ghost forest”) Scientific American
  • Alaska Earthquake Center — ข้อมูลเหตุและลักษณะของแผ่นดินไหว (subduction zone, depth, fault rupture) และผล ground uplift / subsidence ที่เกิดขึ้นจริงในภูมิภาคต่าง ๆ ศูนย์แผ่นดินไหวอลาสก้า+1


Cultures of Fermented 
by Scoby Doit
Previous Article