คืนหนึ่ง ในต้นฤดูใบไม้ร่วง ที่ผ่านมา ย่าน คาบูกิโจ ในชินจูกุ ยังคงเต็มไปด้วยแสงไฟนีออนสีน้ำเงินอมชมพู ที่สะท้อนบนพื้นถนนเปียกชื้นหลังฝนหยุดตก ผู้คนหลากหลายสัญชาติ เดินปะปนกันไปบนตรอกแคบ ๆ ของเมืองที่ไม่เคยหลับ นักท่องเที่ยวจับโทรศัพท์ถ่ายภาพร้านรวงสีจัดจ้าน ขณะที่เสียงเรียกเบา ๆ จากหญิงสาวและนายหน้าที่คอยยืนเฝ้าตามมุมถนนยังเล็ดลอดตามซอกตึก
คาบูกิโจ (Kabukicho) เป็นพื้นที่ที่คนญี่ปุ่นและคนต่างชาติรู้จักกันเป็นอย่างดี ในฐานะ “ย่านเริงรมย์อันดับหนึ่งของโตเกียว” ไปจนถึง สัญลักษณ์ของความย้อนแย้งระหว่าง ความเงียบขรึมในตอนกลางวันกับชีวิตที่พลุ่งพล่านในยามค่ำคืน แต่ในปี 2025 ชื่อของคาบูกิโจ กลับกลายเป็นจุดศูนย์กลางของการถกเถียงระดับชาติ เมื่อสื่อต่างประเทศเริ่มรายงานว่า ญี่ปุ่นกำลังกลายเป็น ‘New Sex Tourism Country’ หรือ “ประเทศท่องเที่ยวเชิงเพศแห่งใหม่”
ญี่ปุ่นภายใต้เงาของคำว่า “New Sex Tourism Country” กับ เส้นทางประวัติศาสตร์ยาวนานที่ปะทุขึ้นอีกครั้งในปี 2025
‘New Sex Tourism Country’
คำๆ นี้ ไม่เพียงแต่นำมาซึ่งความไม่สบายใจของนักการเมือง หรือหน่วยงานท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสะเทือนใจสังคมญี่ปุ่นที่เคร่งครัดเรื่องภาพลักษณ์มาอย่างยาวนาน และย้อนให้คนในประเทศต้องหันกลับมามองปัญหาที่ถูกซุกไว้ใต้พรมมาหลายสิบปี ….
เหตุผลว่า ทำไม คำๆ นี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ?
เราคงต้องดูป่าทั้งป่า หรือย้อนดูทั้งประวัติศาสตร์ อุตสาหกรรมเพศ วัฒนธรรมที่ซับซ้อน และโครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปของญี่ปุ่นเอง
เส้นทางยาวนานของอุตสาหกรรมเพศในญี่ปุ่น
ดำเนินจากโยชิวาระ สู่โลกยุคใหม่
เรื่องราวของอุตสาหกรรมทางเพศในญี่ปุ่น ใครๆก็รู้ว่า นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ ในยุคเอโดะ มีการจัดตั้ง “โยชิวาระ” (Yoshiwara) ย่านโสเภณีถูกกฎหมาย ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐ หญิงขายบริการในยุคนั้น เป็นทั้งผู้แสดงศิลปะ มารยาท และความบันเทิง เป็นระบบที่เชื่อมโยงกับวัฒนธรรม “เกอิชา” และ “โอยรัน” และถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างสังคมเมืองเก่า
เมื่อถึงยุคหลังสงครามโลก ญี่ปุ่นถูกกดดันจากสหรัฐอเมริกา ให้ปฏิรูปสังคมและกฎหมาย ทำให้โสเภณีถูกสั่งห้ามอย่างเป็นทางการในปี 1956 แต่แม้อุตสาหกรรมนี้ จะถูก “ปิด” ตามกฎหมาย แต่จริงๆแล้ว มันไม่ได้หายไปจริงๆ หากแต่เปลี่ยนรูปแบบแฝงให้เข้าไปอยู่ในพื้นที่สีเทาแทน เช่น
- soapland (อาบน้ำ+บริการ)
- delivery health (ส่งผู้ให้บริการถึงโรงแรม)
- คาเฟ่ผู้หญิง / โฮสคลับ
- การขายบริการที่อาศัย “ช่องโหว่” เช่น แยกการกระทำที่ผิดกฎหมายออกจาก “กิจกรรมเสริม”
ด้วยเหตุนี้เอง …. อุตสาหกรรมทางเพศ ของญี่ปุ่นจึงยังดำรงอยู่อย่าง “เปิดเผยในความลับ” และกลายเป็นส่วนหนึ่ง ของระบบเศรษฐกิจเมืองใหญ่โดยปริยาย
เมื่อเข้าสู่ยุค 2000s ภาพลักษณ์ด้านวัฒนธรรม J-pop, แฟชั่นญี่ปุ่น, การ์ตูน, และสตรีมมิง ทำให้ “ความคาดหวังทางเพศเกี่ยวกับหญิงญี่ปุ่น” กลายเป็นวัตถุแฟนตาซีในสายตาตะวันตก โดยไม่ตั้งใจ การผสมกันของวัฒนธรรมป๊อป และแรงดึงดูดทางเศรษฐกิจจึงค่อย ๆ ขยายอุปสงค์ด้านเพศเชิงการท่องเที่ยวอย่างเงียบ ๆ …..
เศรษฐกิจที่เปลี่ยนไป กับแรงกดดัน
ที่ซ้อนทับเพศหญิง
ค่าเงินเยน ที่อ่อนค่าลงในช่วงปี ค.ศ. 2023–2025 ทำให้ญี่ปุ่นกลายเป็น “ประเทศที่เข้าถึงง่ายและราคาถูก” สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ งานบริการท่องเที่ยวเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่ในอีกด้านหนึ่ง ….กลับสวนทาง…
- ค่าครองชีพของคนญี่ปุ่นไม่ได้เพิ่มขึ้น
- ค่าแรงขั้นต่ำไม่ได้ สูงขึ้นตามทันเศรษฐกิจ
- ภาระทางครอบครัวยังคงกดทับผู้หญิงมากกว่าเพศอื่น
- หนี้สินส่วนบุคคลเพิ่มขึ้นในกลุ่มวัยทำงานตอนต้น
ในสภาพเช่นนี้เอง ทำให้บางคน เลือกหางานเสริมในอุตสาหกรรมสีเทา เพราะง่าย และใช้เวลาน้อย แต่ทำรายได้สูง และไม่ต้องมีความรู้หรือทักษะพิเศษใดๆ ในบางคน อาจ “จำเป็นต้องทำ” เพราะไม่มีทางเลือก ส่วนอีกจำนวนหนึ่ง “สมัครใจทำเพราะอยากมีรายได้ทันใจ” ฟุ้งเฟ้อ และ ฟุ่มเฟือย
นี่คือบริบท ที่ทำให้ผู้หญิงจำนวนหนึ่ง ตกอยู่ในสภาพเปราะบาง เมื่ออุปสงค์จากนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นตามค่าเงินเยนที่อ่อนตัว โครงสร้างอุดมคติเรื่องความปลอดภัยของญี่ปุ่นเริ่มมีรอยร้าวมากขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างคาบูกิโจ
เหตุการณ์ที่ทำให้ไฟปะทุ
: การจับกุม 4 หญิงในคาบูกิโจ
จุดเริ่มต้นของวิกฤต เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 2025 ซึ่งไม่ได้เริ่มจากคดีใหญ่ แต่เริ่มจากเหตุการณ์เล็ก ๆ
…. เดือนกรกฎาคม 2025 ตำรวจจับกุมหญิง 4 คนใน คาบูกิโจ ในข้อหาเสนอขายบริการให้แก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ข่าวนี้ ถูกสื่อญี่ปุ่น นำเสนอแบบทั่วไป แต่ Japan Today และ Sankei Shimbun นำเสนอในลักษณะชี้ให้เห็นว่า “นี่ไม่ใช่คดีเดี่ยว แต่เป็นสัญญาณของอุตสาหกรรมที่เริ่มหันไปเจาะนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นหลัก”
จากนั้นสื่อต่างประเทศจำนวนมาก ได้หยิบข่าวนี้ไปขยายความต่อ โดยใช้ถ้อยคำแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงขั้นว่า “ญี่ปุ่นกำลังกลายเป็น New Sex Tourism Country”
คำนี้แพร่กระจายไปในสื่อท่องเที่ยว เว็บบอร์ด , โซเชียลมีเดีย และ TikTok อย่างรวดเร็ว จนเกิดกระแสการแชร์คลิปรีวิวร้านผู้หญิงและทางลัดสู่บริการต่าง ๆ ที่ถูกบอกต่อในหมู่นักท่องเที่ยวบางกลุ่ม ซึ่งเป็นภาพที่ญี่ปุ่นไม่ต้องการอย่างยิ่ง
เข้าสู่เวทีการเมือง
เมื่อ ฟุมิกะ ชิโอมุระ จุดประเด็นกลางสภา
เมื่อคำว่า “New Sex Tourism Country” เริ่มกลายเป็นคำที่ใช้กันในวงกว้าง …. ฟุมิกะ ชิโอมุระ สมาชิกสภาฝ่ายค้าน ตัดสินใจหยิบเรื่องนี้ขึ้นมาอภิปรายในสภา เธอเตือนว่า
- ภาพลักษณ์ญี่ปุ่นกำลังถูกบิดเบือน
- โลกกำลังเชื่อว่าญี่ปุ่น “ไม่ปกป้องศักดิ์ศรีของผู้หญิง”
- ระบบกฎหมายมีช่องโหว่จนต่างชาติมองว่า “ซื้อบริการได้โดยไม่ต้องรับโทษ”
น้ำเสียงของชิโอมุระ ไม่ใช่เสียงกล่าวหาเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการสั่นกระดิ่งเตือนรัฐบาลว่า “โลกกำลังพิจารณาญี่ปุ่นด้วยมาตรฐานใหม่ที่เข้มงวดยิ่งขึ้น”
“เราจะไม่ยอมให้ใครมองผู้หญิงของเราเป็นสินค้า”
หลังถูกตั้งคำถามในสภาสูง ซานาเอะ ทาคะอิชิ นายกรัฐมนตรีหญิงของญี่ปุ่นจึงตอบอย่างชัดเจนว่า
- รัฐบาลจะ กวาดล้างการค้าประเวณีที่มุ่งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ
- จะทบทวนการบังคับใช้กฎหมายที่ “ล้าหลังต่อสังคมยุคใหม่”
- โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะพิจารณา บทลงโทษต่อผู้ซื้อบริการ
ซึ่งไม่เคยมีในประวัติศาสตร์กฎหมายญี่ปุ่นมาก่อน
นี่เป็นครั้งแรก ที่รัฐบาลประกาศต่อสาธารณะว่า ระบบกฎหมายอาจต้องปรับใหม่ทั้งหมด และเป็นสัญญาณว่า ญี่ปุ่นอาจกำลังเข้าสู่ยุคแห่งการปฏิรูปอุตสาหกรรมเพศอย่างจริงจัง
ทุกสิ่งทุกอย่าง ของญี่ปุ่นเจริญก้าวหน้า
แต่ทำไมกฎหมายญี่ปุ่นถึงล้าหลัง?
ทำไม ? กฎหมายป้องกันการค้าประเวณีในญี่ปุ่นมุ่งลงโทษ ผู้ขายบริการ , ผู้จัดหา , นายหน้า
แต่ ไม่ลงโทษ ผู้ซื้อ !!!ซึ่งเป็นรูปแบบที่แตกต่างจากประเทศตะวันตกจำนวนมาก เช่น สวีเดน นอร์เวย์ แคนาดา ที่ลงโทษผู้ซื้อเพื่อปกป้องผู้ขาย
ช่องโหว่นี่เอง ที่ทำให้ …..
- นายหน้าสามารถทำกำไรได้โดยไม่ถูกลงโทษจริง
- นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าใจว่า “ซื้อได้ ไม่โดนจับ”
- ผู้หญิงที่อยู่ในภาวะจนตรอกถูกจับแทน
- ตำรวจบังคับใช้กฎหมายได้จำกัดมาก
เมื่อการท่องเที่ยวขยายตัวเป็นประวัติการณ์มากกว่า 31.65 ล้านคนใน 9 เดือนแรกของปี 2025 ช่องโหว่นี้ยิ่งชัดเจนขึ้น
คาบูกิโจ ในค่ำคืนที่ไม่เคยหลับ
บรรยากาศที่เผยรอยปริในโครงสร้างสังคม
แม้เราจะไม่ต้องการวาดภาพเกินจริง แต่การเดินในคาบูกิโจหลังพระอาทิตย์ตกดินทำให้เข้าใจทันทีว่า ปัญหานี้ “มีอยู่จริง” แม้จะไม่ใช่ภาพใหญ่ของประเทศ
ซอยเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์คับคั่ง แผงไฟ LED โฆษณาคลับผู้หญิงปรากฏทุกสองสามก้าว และนายหน้าที่คอยยืนตามหัวมุมยื่นใบปลิวเป็นภาษาต่างชาติ เป็นภาพสะท้อนของการท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแปลงไป …. บรรยากาศเช่นนี้ ไม่ได้บอกว่า ญี่ปุ่นกำลังกลายเป็น “ประเทศขายบริการ” แต่กำลังบอกว่า “ญี่ปุ่นกำลังพบกับปัญหาที่ค่อย ๆ สั่งสมทีละเล็กทีละน้อยจนเริ่มเห็นชัดขึ้น”
ผลกระทบระยะยาวต่อภาพลักษณ์ประเทศ
กับจุดเปลี่ยนที่สำคัญ
คำว่า “New Sex Tourism Country” ถูกใช้เพียงครั้งเดียวในสื่อบางแห่ง แต่แรงกระแทกของมันมหาศาล …
เพราะกระทบโดยตรงกับ DNA ของแบรนด์ประเทศญี่ปุ่น ที่เน้นความปลอดภัย ระเบียบ ความสะอาด และความเคารพต่อกัน …
หากปล่อยให้ภาพดังกล่าวเติบโต อาจเกิดผลลัพธ์ระยะยาว เช่น
- ความเชื่อมั่นในความปลอดภัยของเมืองลดลง
- ญี่ปุ่นถูกมองว่าเป็นประเทศที่ปกป้องสิทธิสตรีไม่เพียงพอ
- นักท่องเที่ยวบางกลุ่มเดินทางมาเพื่อ “จุดประสงค์เฉพาะ”
- เกิดการบิดเบือนโครงสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
- ภาคบริการถูกกดดันจากการตรวจสอบเข้มข้นขึ้น
นี่คือความเสี่ยงที่รัฐบาลญี่ปุ่นอยากป้องกันให้เร็วที่สุด
เมื่อรัฐบาลประกาศว่าจะเริ่มพิจารณา “ลงโทษผู้ซื้อบริการ” นั่นหมายถึงญี่ปุ่นอาจกำลังเปลี่ยนทิศทางเชิงนโยบายครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่ปี 1956 !!!!
.
.
การปฏิรูปครั้งนี้อาจนำไปสู่ การจัดการดำเนินคดีกับนายหน้าอย่างเข้มงวด , การคุ้มครองผู้หญิงที่เข้าไปในอุตสาหกรรมจากความจำเป็น มีการกำหนดโครงสร้างกฎหมายที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับ และ สร้างกรอบการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบมากขึ้น ….
แต่จะสำเร็จหรือไม่ ยังเป็นคำถามเปิด เพราะญี่ปุ่นยังมีวัฒนธรรมที่ไม่พูดตรง ๆ เรื่องเพศ และยังมีแรงต้านทางวัฒนธรรมจากหลายกลุ่ม ….
อ่านเรื่องราวนี้ต่อ และ ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รัฐบาลญี่ปุ่น ออกแถลงการณ์ตอบโต้กระแสข่าว จากสื่อต่างประเทศที่ระบุว่า ญี่ปุ่นกำลังถูกมองว่าเป็น “ประเทศท่องเที่ยวเชิงเพศแห่งใหม่” (New Sex Tourism Country) ซึ่งก่อให้เกิดความไม่พอใจในสังคมญี่ปุ่นอย่างกว้างขวาง โดย ซานาเอะ ทาคะอิชิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ให้คำมั่นต่อที่ประชุมสภาสูงเมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ว่า รัฐบาลจะเร่ง “ขจัดปัญหาการค้าประเวณีที่เกี่ยวข้องกับหญิงญี่ปุ่นซึ่งมุ่งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติ” อย่างเด็ดขาด อ่านต่อ …..>> https://www.misc.today/2025/11/sex-tourism-country.html
