สำรับอาหารโปรตุเกส-ไทย ได้ถูกถ่ายทอดสูตรอาหาร ขนม หลากหลายมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จวบจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน กาลเวลาผ่านมายาวนานถึง ๒๕๐ ปี
เมื่อพูดถึงความอร่อย และรสชาติใหม่ที่ไม่คุ้นสัมผัสรส อาหารโปรตุเกส เป็นอาหารชาติพันธุ์ อีกประเภทหนึ่ง ที่ส่วนใหญ่ ผู้คนอาจจะไม่ได้นึกถึง แต่ทราบหรือไม่คะว่า ในใจกลางกรุงเทพมหานคร ย่านฝั่งธนบุรี อดีตอาณาจักรกรุงธนบุรีศรีมหาสมุทรอันรุ่งเรืองของประเทศไทย กล่าวขานกันในย่านนี้ว่า “ย่านกุฎีจีน” มีอาหารให้เราได้ลิ้มลองรสชาติอันแสนวิเศษ ที่เป็น สำรับอาหารโปรตุเกส-ไทย ซึ่งได้ถูกถ่ายทอดสูตรอาหาร ขนม หลากหลายมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา จวบจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ในปัจจุบัน กาลเวลาผ่านมายาวนานถึง ๒๕๐ ปี สำรับอาหารและขนมดังกล่าว ยังมีให้ชิม แม้ปัจจุบันรสชาติจะเปลียนไปบ้าง แต่โดยส่วนผสมหลักๆ ก็ยังคงรสชาติที่เป็นสำรับของชาวโปรตุเกสที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในสยามประเทศไทยเป็นอย่างดี
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นักชิมสมัครเล่นอย่างดิฉัน เลยต้องขอท่องอาณาจักรกรุงธนบุรี แหล่งรวมวัฒนธรรมและความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนา ประเพณีที่น่าสนใจอย่าง ย่านกุฎีจีน ซึ่งในครั้งนี้ จะเป็นการเดินทอดน่องลัดเลาะไปตามซอกซอยเพื่อตามหาสำรับโปรตุเกส-ไทย แสนอร่อย ที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนค่ะ
จุดเริ่มต้นของการออกเดินทางในพื้นที่เล็กๆ แต่มีอาหารและขนมมากมายให้ชิมตลอดทาง คือ พื้นที่ชุมชนข้างโบสถ์ซางตาครู้ส เราเริ่มต้นที่ขนมฝรั่งที่ทุกคนรู้จักกันดี เพราะเป็นขนมของฝากที่ขายดิบขายดี และหาทานได้ง่ายเพราะถูกส่งไปจำหน่ายตามตลาดน้ำต่างๆ รวมถึงตลาดนัดบางแห่งก็หาทานได้ และที่นี่เป็นแหล่งต้นตำรับ ดังชื่อ ขนมฝรั่งกุฎีจีน


ร้านป้าอำพรรณ ไม่ได้สืบทอดการทำขนมฝรั่งกุฎีจีนเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีขนมโบราณ สำรับโปรดุเกส-ไทย ที่หน้าตาแปลกๆ แต่ดูน่ารับประทานมาก ชวนให้ผู้ใคร่รู้ อยากชิม และอยากรู้ว่าขนมมีชื่อว่าอะไรต้องสอบถามกับคุณป้าค่ะ อย่างเช่น ขนมก๋วยตั๊ด รูปร่างหน้าตาน่าทานค่ะ มีไส้สับปะรดกวนอยู่ตรงกลาง ถ้าจะให้เข้าใจกันง่ายที่สุด ก็ คือ พายสับปะรดนั่นเองค่ะ แต่กรรมวิธีนั้นยุ่งยากกว่ามาก เพราะต้องคอยจับจีบแป้งโดยรอบให้สวยงามด้วย จากนั้นนำลงทอดน้ำมัน นำขึ้นสะเด็ดน้ำมัน ทานตอนร้อนๆ คู่กับชาร้อน อร่อยมากๆ เพราะแป้งจะกรอบ หอม และได้รสชาติของสับปะรดกวน ที่มีรสหวานและเปรี้ยวมาตัดความเลี่ยนจากการทอดได้เป็นอย่างดี คุณป้าอำพรรณบอกว่าการทำ คือ ยุ่งยากตอนจับจีบ เพราะจะจับอย่างไรให้จีบพอดีและสวยงาม

ขนมจีนไก่คั่ว สันนิษฐานว่าเป็นอาหารดั้งเดิมของชาวโปรตุเกส ซึ่งส่วนผสมและขั้นตอนที่ยุ่งยาก นั้น เพราะมีความแตกต่างจากขนมจีนน้ำยากะทิทั่วไปค่ะ ส่วนประกอบที่ต้องนำมาปรุง เช่น การใส่ถั่วตัดสับละเอียด เนื้อไก่สับหรือบด พริกเหลือง พริกแดงตำละเอียด เครื่องในไก่ เลือดไก่ รวมถึงกระดูกไก่ที่สับจนละเอียดและใส่ปรุงลงไปด้วย เพื่อให้เวลาทานนั้น ได้เคี้ยวกรุบๆ เพื่มอรรถรสและความอร่อยที่แตกต่าง และเวลาทาน ยังมีการโรยต้นหอม ผักชี เพื่อเพิ่มความหอมและรสชาติที่ดีอีกด้วยค่ะ

หากใครไม่ถนัดเมนูขนมจีน ก็ยังมี สำรับโปรตุเกส-ไทย อย่างต้มมะฝ่า รสชาติดี ทานแล้วสดชื่น เป็นเมนูอาหารคาวรสชาติคล้ายๆ ต้มจับฉ่ายของชาวจีน แต่มีความหวาน เปรี้ยวที่กลมกล่อมและลงตัวมากๆ ยิ่งทานตอนร้อนๆ กับข้าวสวยหุงขึ้นหม้อ ยิ่งอร่อยจนหยุดไม่ได้ ต้มมะฝ่า เป็นอาหารสำรับโปรตุเกสอีกอย่างที่ผู้เขียนอยากให้ชิมกันค่ะ ส่วนผสมในการปรุงก็มีมากเช่นกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นลูกผักชี ยี่หร่า ใบกระวาน กานพลู รากผักชี ขมิ้นตำละเอียด จากนั้นยังใส่ผักต่างๆเช่น กะหล่ำปลี ผักคะน้า หัวไชเท้า ต้นหอม ผักชี แล้วตามด้วย เนื้อหมู เนื้อเป็ด หรือไก่ เป็นต้น แค่ได้อ่านส่วนผสมก็เล่นจนงงแล้วใช่มั๊ยคะ ยังไม่รวมเวลาในการต้มซึ่งต้องใช้เวลานานพอจะให้เนื้อ หรือผักเปื่อย สีน้ำแกงเปลี่ยนเป็นสีเหลืองสวยงามเหมือนสีขมิ้น เป็นอีกเมนูที่ทานแล้วอร่อยจริงๆ
นอกจากของคาวหวาน ที่มีชื่อและหน้าตาชวนพิศวงแล้ว ยังมีอาหารว่างเช่น ไส้สัพแหยก เป็นอีกเมนูของทานเล่นของย่านนี้ ไส้สัพแหยกในกระทงทอง จะมีส่วนผสมของเนื้อไก่สับละเอียดคลุกเคล้ากับเครื่องเทศ และมันฝรั่งหั่นชิ้นขนาดลูกเต๋าเล็กๆ ผัดแล้วผสมเครื่องปรุงเล็กน้อย บรรจงใส่ในกระทงทองที่ทอดจนกรอบ ทานพอดีคำ รสชาติอร่อยลงตัว เป็นสำรับของว่างอีกรายการที่ทานแล้วจะติดใจ
ปัจจุบันบ้านสกุลทองเปิดสอนวิชาการเรียนทำขนมไทย ของว่างชาววัง เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด ช่อม่วง ล่าเตียง หรุ่ม ฯลฯ ให้แก่ผู้ที่สนใจได้ฝึกฝน และทานด้วยค่ะ หรือหากคุณผู้อ่านอยากลิ้มลองสำรับอาหารดังกล่าว สามารถไปได้เฉพาะช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ เท่านั้นค่ะ แนะนำว่าควรไปแต่เร็ว เพราะบ่ายๆ บางเมนูอาหาร ก็หมดแล้วค่ะ
เรียนรู้พื้นที่ชุมชนที่สร้างด้วยงบประมาณส่วนตัว มีเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ชุมชน ภาพถ่ายโบราณที่น่าสนใจมากๆ ภายในพิพิธภัณฑ์มีข้าวของสะสม ของโบราณให้ชมด้วยค่ะ นอกจากนี้ก็ยังมีร้านกาแฟ/ของที่ระลึกจำหน่าย เรือนจันทนภาพ เรือนไทยที่สวยงามมากๆอีกหลัง ซึ่งดิฉันเองไม่เคยเห็นรูปแบบเรือนไทยเช่นนี้มาก่อน เรือนไทยหลังนี้ผ่านช่วงเวลาสงครามโลกครั้งที่ ๒ มาได้อย่างไร ร่องรอยกระสุนที่เกิดขึ้นในช่วงกบฎแมนฮัตตันอยู่ตรงไหน ดิฉันแนะนำว่าคุณผู้อ่านต้องไปสำรวจด้วยตาเนื้อของตนเอง พูดคุยกับคุณป้าเจ้าของเรือน ซึ่งท่านยินดีต้อนรับแขกผู้มาเยือนเสมอ



