miscellaneous, Thai Book Review แนะนำหนังสือ, Uncategorized

เมื่อโลกออนไลน์ไม่ได้ต้องการแค่ให้เราคลิก แต่ต้องการให้เราโกรธ – Rage Bait

ในโลกที่ทุกการเลื่อนนิ้ว  คือสนามรบแย่งชิงความสนใจ มีเนื้อหาประเภทหนึ่ง ที่เกิดขึ้นมาอย่างเงียบๆ แต่ทรงพลัง และมันกำลังครอบงำพื้นที่ออนไลน์อย่างรวดเร็ว  เนื้อหาที่ไม่ได้ต้องการให้คุณเข้าใจอะไรเลย  นอกจาก “โกรธให้ไวที่สุด”  การพาดหัวปลุกอารมณ์ ภาพตัดแปะบิดเบือน และประโยคสั้นๆ ที่จงใจแทงใจดำ คืออาวุธของมัน  เราเรียกสิ่งนั้นว่า Rage Bait เหยื่อล่าความเดือด ที่ทำให้โซเชียลเต็มไปด้วยเสียงแตกแยกมากกว่าความจริง

จาก Clickbait สู่ Rage Bait
เปิดตำรา
เหยื่อล่อฉบับอัปเดต และวิธีอยู่รอดในสมรภูมิโซเชียล
     หากย้อนกลับไปสักเมื่อ 10–15 ปีที่แล้ว  คำว่า “clickbait” คือ คำที่ร้อนแรงในโลกออนไลน์  การพาดหัวขึงขัง ,คลุมเครือ , บิดเบือน หรือใช้ภาษาชวนให้ หลงคลิกเข้าไป  เพื่อดึงคนเข้าสู่เว็บไซด์ หรือวิดีโอ  แต่เมื่อเข้าไปแล้ว กลับเจอบทความที่จืดชืด เนื้อหาที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ สิ่งที่พาดหัวไว้ หรือกลายเป็นคนละเรื่องกันไปเลย  หรือ บางทีหนักที่สุด กลายเป็นเข้าไปชักชวนเล่นพนันออนไลน์ ก็มี …

Clickbait ใช้ประโยชน์จาก “ช่องว่างข้อมูล” (Information Gap) ในสมองของเรา มันตั้งคำถามที่ทำให้เราค้างคา หรือสัญญาว่าจะเผยความลับที่เราไม่เคยรู้มาก่อน … แต่สุดท้าย มันก็หักหลังเรา ….
เป้าหมาย ของมัน คือ  เน้นการกระตุ้นให้เกิด “ยอดคลิก” เป็นหลัก เพราะสมัยนั้น ยอดคลิก คือ ตัวชี้วัดความสำเร็จและนำมาซึ่งรายได้จากโฆษณา นั่นเอง ….

 Clickbait ที่ใช้ความ “ความอยากรู้ อยากเห็น” เป็นสุดยอดอาวุธ ก็โรยราลงไป นี่คือยุคที่ 1  และมาสู่ยุคที่ 2  คือ Rage Bait ( เรจเบต )


kombucha
ดื่มด่ำกับความสดชื่นและสุขภาพที่ดีไปกับ คอมบูชะ (Kombucha) เครื่องดื่มชาหมักเพื่อสุขภาพที่อุดมไปด้วยโพรไบโอติกดีๆ ช่วยปรับสมดุลลำไส้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และยังช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่งอีกด้วย

เมื่อเวลาผ่านไป ผู้คนเริ่ม “รู้ทัน” ครับ  … พอคลิกเข้าไปแล้วพบว่าเนื้อหาข้างในนั้น ไม่ได้มีอะไรที่น่าตื่นเต้นอย่างที่พาดหัวบอกไว้เลย  เปรียบเหมือนคำว่า หนังคนละม้วน หรือ ไม่ตรงปก นั่นแหละครับ  ….   ผู้คนก็เริ่มเหนื่อยหน่าย และเบื่อกับกลยุทธ์นี้  ยอดคลิกของเว็บไซด์ จึงเริ่มตกลงอย่างต่อเนื่อง  ….. เมื่อ Clickbait เริ่มหมดมนต์ขลัง ผู้ผลิตคอนเทนต์ จึงค้นพบว่า  มีอารมณ์ชนิดหนึ่งที่ทรงพลังกว่า “ความอยากรู้  อยากเห็น” มาก นั่นคือ “ความโกรธ” หรือ “ความไม่พอใจอย่างรุนแรง”

Rage Bait  Rage Bait (เรจเบต )  เหยื่อล่อรูปแบบใหม่ ที่ไม่ได้หวังเพียงให้เราแค่เปิดลิงก์เข้าเว็บไซด์  และ”ยอดคลิก”  แต่มันพัฒนามาสู่ ยุคที่คอนเทนต์ ไม่สนใจแล้วครับ ว่าเราจะอยากรู้หรือไม่   แต่สนใจว่าเราจะ เดือด แค่ไหน ??!!
และ  เรจเบต  นี่เองครับ คือสิ่งนั้น…   มันคือ เนื้อหาที่ถูกออกแบบมาอย่าง “จงใจ” เพื่อ กระตุ้นความโกรธ, ความหงุดหงิด, ความไม่พอใจ, หรือ การเลือดขึ้นหน้าแบบทันที   โดยมีเป้าหมายเดียว คือ ให้คนเข้าไป engagement กับโพสต์มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ ….

    “….. มันอาจเป็นประโยคสั้นๆ ที่ทิ่มแทง และตั้งใจตัดตอนข้อมูลบางส่วนออก หรือ เหตุการณ์เล็กๆ ที่ถูกขยายให้เกิดกว่าเหตุ ทำให้เกิดดราม่า หรือภาพที่คลุมเครือจนทำให้คนทะเลาะกันเอง….” 

 

ที่น่าตกใจคือ—มันได้ผลดีเกินคาด

 😡 โกรธแล้วแชร์ –  เกิดการแพร่กระจาย
 😤 โกรธแล้วคอมเมนต์  –  เกิด engagement  (การมีส่วนร่วม)
 😠 โกรธแล้วเถียงกันเองเป็นร้อย ๆ คอมเมนต์ – เกิด engagement (การมีส่วนรวม) ที่มหาศาล !!! 

💡 เกร็ดน่ารู้ : อัลกอริทึมของแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ถูกออกแบบมาให้รัก “การมีส่วนร่วม” ที่สูง เพราะหมายถึงคนใช้เวลาอยู่บนแพลตฟอร์มนานขึ้น ดังนั้น คอนเทนต์ที่คนเข้ามาด่ากันยับ (Rage Bait) มักจะถูกดันให้ขึ้นฟีดมากกว่าคอนเทนต์ที่ทุกคนเห็นด้วยและกดไลค์เฉย ๆ

💥Rage Bait มันทำงานอย่างไร ? 

1.  ยั่วให้หยุดดู  : นำเสนอความคิดเห็นที่ขัดแย้ง, ข้อมูลที่จงใจบิดเบือน, หรือการกระทำที่ดูเหมือน “ผิดศีลธรรม”
2. บังคับให้พิมพ์โต้ตอบ  : ผู้ใช้งานอาจจะรู้สึกทนไม่ไหว รับไม่ได้  จะต้องเข้ามา “แก้ไข” ความเข้าใจผิด หรือ “โต้แย้ง” ข้อมูล บางอย่างที่ไม่ตรงข้อเท็จ   หรือ “สั่งสอน” ผู้สร้างคอนเทนต์
3. อัลกอริทึม เลิฟสิ่งนี้ สุดๆ  :  เมื่อเกิดการถกเถียง โต้ตอบที่ดุเดือด  ทำให้ผู้ใช้อยู่กับโพสต์นั้นนานขึ้น นานกว่าการกด Like เฉยๆ  ซึ่งระบบอัลกอริทึมจะตีความว่านี่คือ “คอนเทนต์คุณภาพสูง” และยิ่งดันให้คนอื่นเห็นมากขึ้นเรื่อย ๆ

⚙️  กลไกเหล่านี้เอง ที่ทำให้  เรจเบต กลายเป็นเครื่องมือทรงพลังของบรรดา Content Creator และสื่อต่างๆ เพราะมันให้สิ่งที่เรียกว่า Engagement (การมีส่วนร่วม) ในปริมาณที่มหาศาล และ Engagement นี่แหละคือ “ทองคำ” ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เพราะยิ่งคนอยู่กับโพสต์นานเท่าไหร่ (ทะเลาะกันนานเท่าไหร่) ก็ยิ่งมีโอกาสเห็นโฆษณามากขึ้นเท่านั้น…

ดังนั้น  Rage Bait จึงเป็นวิวัฒนาการที่ฉลาดกว่าของ Clickbait โดยเปลี่ยนจากการขอแค่ให้ “คลิก” เป็นการบังคับให้ “โต้ตอบ” ซึ่งนำมาซึ่งยอดวิวและเม็ดเงินที่สูงกว่ามาก

ดั่งคำว่า  “อัปรีย์ไป จัญไรมา”  นั่นเอง …. 

เหตุผลที่ OUP เลือกคำนี้
เพราะมันคือภาพสะท้อนของเราเอง ?
  🗓️ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2025  คำว่า “Rage Bait” ได้รับการประกาศให้เป็น “คำแห่งปี 2025” (Word of the Year 2025)

ทาง สำนักพิมพ์มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด (Oxford University Press – OUP)  ระบุว่า ปริมาณการใช้คำว่า “rage bait” เพิ่มขึ้นถึงสามเท่าในปีเดียว  เป็นคำที่สะท้อนถึงทัศนคติ อารมณ์ และความกังวลที่สำคัญของสังคมและวัฒนธรรมในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการสื่อสารบนโลกอินเทอร์เน็ต

      แต่ตัวเลขเหล่านั้น กลับไม่น่าตกใจเท่าความจริงที่ว่า…

….  ในทุกแพลตฟอร์ม ทุกชุมชน ทุกกลุ่มสนทนา  เรามักเห็นโพสต์ประเภทเดียวกันนี้ “ซ้ำแล้วซ้ำเล่า” และหลายครั้ง เราเองนี่แหละ ก็เข้าไปติดกับโดยไม่รู้ตัว  …..

ผู้เชี่ยวชาญของ OUP พูดไว้ชัดเจนว่า โลกออนไลน์กำลังเปลี่ยนกระบวนท่า จากการใช้ “ความงุนงง–อยากรู้” มาเป็น “การจี้อารมณ์–ทำให้โกรธ” เพราะมันทำให้ผู้คนตอบสนองเร็วกว่าแรงกว่า

  • ความโกรธ  คือเชื้อเพลิงชั้นดี
  • ไม่ต้องใช้เวลาคิด ไม่ต้องกลั่นกรอง

เพียง 2 วินาทีที่ใจเดือด ก็เพียงพอให้ engagement พุ่งเป็นเปลวเพลิงแล้ว !!!

เมื่อความโกรธกลายเป็นธรรมชาติ ในชีวิตประจำวัน อาจกลายเป็น ผลกระทบที่อาจมองไม่เห็น

พฤติกรรม  เรจเบต  ไม่ได้สร้างแค่ “โพสต์ไวรัล” หรือ รายได้ จาก“คลิกจำนวนมหาศาล” ให้ใครคนใดคนหนึ่ง  แต่มันสะท้อนถึงกระบวนการที่อาจทำลายบางอย่างในสังคมออนไลน์และในตัวเรา ด้วย ….

เมื่อเราเสพคอนเทนต์ ที่เต็มไปด้วยความโกรธบ่อยๆ  เราอาจเริ่มมองว่า โลกนี้เต็มไปด้วยความขัดแย้ง ความไม่ยุติธรรม หรือความโกรธ   — แม้ในชีวิตจริงอาจไม่ใช่ …

การโต้เถียงที่เกิดจาก เรจเบต มักไม่มีข้อเท็จจริงรองรับ  แต่จะมีแค่ “อารมณ์” และ “ความเชื่อ” ที่ถูกยั่วยุ ปลุกปั่น ทำให้ความจริงถูกบดบัง และเกิดความเข้าใจที่ยากขึ้น … และในสำหรับบางคน ความโกรธที่สะสมอาจกลายเป็นความเครียดเรื้อรัง เพราะโซเชียลกลับกลายเป็น สวน(ไม่) สนุก ที่เต็มไปด้วยเรื่องให้หงุดหงิด ตลอดเวลา มีผลต่อสุขภาพจิตในระยะยาว … สื่อ สังคม และแพลตฟอร์มอาจเริ่มมอง “ความโกรธ” เป็นทรัพยากรที่ต้องใช้ — มากกว่าการนำเสนอข้อเท็จจริง — ส่งผลให้ “คุณภาพการสื่อสาร” ถูกลดลง  คุณภาพสื่อกลายเป็นขยะ … ไม่มีคุณภาพ

🛡️อย่าปล่อยให้ Rage Bait ขโมยพลังงานชีวิตของเราไป … 

การรู้ทัน rage bait ไม่ได้หมายความว่า  เราต้องหายไปจากอินเทอร์เน็ต นะครับ  แต่เพื่อให้เรา “อยู่กับมันอย่างมีภูมิคุ้มกัน”

   ในฐานะผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต เรามีอำนาจในการเลือกได้ครับ ว่าจะให้ Rage Bait มามีอิทธิพลต่อชีวิตเราแค่ไหน ลองใช้ 3 วิธีจัดการความโกรธ ต่อไปนี้ เพื่อให้เรายังคงเป็นคนคุมเกมอยู่เสมอ ….

1. ตรวจสอบ “เหยื่อล่อ” ก่อน “โกรธ”   

  • “ตั้งสติ” ก่อนจะพุ่งเข้าไปพิมพ์คอมเมนต์  ให้คุณหายใจเข้าลึกๆ … หยุด…. แล้วถามตัวเองก่อนว่า “นี่เป็นความจริง หรือเป็นแค่คำพูดที่ต้องการให้ฉันโกรธ ? “
  • “ค้นหาข้อเท็จ”  – มองหาความสมบูรณ์ของบริบทนั้นๆ  ลองหาแหล่งที่มาของข้อมูล (ถ้ามี) หรือลองหาคลิปเต็มๆ อย่าเพิ่งตัดสินจากพาดหัวหรือคลิปสั้นๆ ที่ถูกตัดต่อมาแล้ว
  • “ดูบัญชีผู้สร้าง”  – บัญชีนั้น มักจะสร้างคอนเทนต์แบบนี้ซ้ำๆ หรือไม่? ถ้าใช่ นั่นอาจเป็นสัญญาณว่าเขาไม่ได้ต้องการ “ความจริง” แต่ต้องการ “ยอดวิว” ….

2. เลือกตอบโต้ด้วย การ “นิ่งเฉย”

คุณไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมในทุกความขัดแย้ง! ทุกเรื่องราวที่เกิดขึ้นบนโลกออนไลน์ ครับ …. การเพิกเฉยต่อ Rage Bait คืออาวุธที่ทรงพลังที่สุดของเรา  เพราะถ้าโพสนั้น ไม่มีใครเข้ามาด่า ไม่มีใครเข้ามาเพิ่มคอมเมนต์ โพสต์นั้นก็จะตายไปตามธรรมชาติ ….

  • ใช้ปุ่ม “ซ่อนโพสต์” (Hide Post) : ถ้าไม่อยากเห็นเนื้อหาจากบัญชีนั้นอีก  แต่ยังไม่อยาก Unfollow ให้ใช้ฟีเจอร์นี้ครับ
  • ใช้ปุ่ม “ความรู้สึกอื่น” (Other Reactions) : ถ้ามันอดไม่ได้จริง อยากโต้ตอบสักนิดหน่อย  ลองเปลี่ยนจากการใช้ปุ่ม “โกรธ”  มาเป็นการใช้ปุ่ม “หัวเราะ” แทน (ถ้าบริบทเอื้ออำนวย) เพื่อลดทอนความซีเรียสลง และเป็นการส่งสัญญาณว่า  เธอทำให้ฉันโกรธไม่ได้นะ ….

3. จัดระเบียบ “ฟีด” ของคุณใหม่

   ฟีดโซเชียลมีเดีย  คือ “อาหาร” ที่คุณป้อนให้สมองของตัวเองทุกๆวัน  ถ้าฟีดของคุณ เต็มไปด้วย ขยะ จากเนื้อความขัดแย้งและความโกรธ หรือ พลังด้านลบ   คุณก็จะรู้สึกแย่ตามไปด้วย ….

  • ทำการ  Unfollow/Mute บัญชีที่เป็นพิษซะ  การกดติดตามใครสักคน ไม่ใช่เป็นอะไรที่ต้องผูกมัด การเลิกติดตามบัญชีที่ทำให้คุณรู้สึกแย่บ่อยๆ เป็นสิ่งที่ควรทำ ….   อย่าไปให้ค่า ให้ราคา กับคนพวกนี้ …
  • ตามหาคอนเทนต์ “ผ่อนคลาย”  มีประโยชน์  ให้เลือกติดตามบัญชีเหล่านี้ ที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้ความรู้ หรือสร้างอารมณ์ขัน ที่ทำให้คุณยิ้มได้  เพื่อถ่วงดุลฟีดขยะ ของคุณให้กลับมาน่าอยู่ยิ่งขึ้น และช่วยเป็นกำลังใจให้ ครีเอเตอร์น้ำดี เหล่านี้ ให้มีกำลังใจ ทำงานต่อไป ครับ

     เมื่อไหร่ก็ตาม ที่เราทำสิ่งเหล่านี้ได้  โซเชียลมีเดีย ก็เริ่มมีอำนาจเหนือเราน้อยลง ….  อารมณ์ของเราแข็งแรงขึ้น ใจเราเบาขึ้น  และเราจะไม่ใช่ “เหยื่อ” ที่ถูกโยนเข้าไปเป็น “ฟืน” สำหรับดราม่าที่ไม่จำเป็นอีกต่อไป….

 

บทสรุป : เราไม่สามารถกำจัด Clickbait หรือ RageBait ให้หมดไปจากโลกออนไลน์ได้ครับ  นี่คือ ความจริงที่ต้องเข้าใจ ….   เพราะมันคือส่วนหนึ่งของ  เศรษฐศาสตร์ความสนใจ (Attention Economy)  … แต่เราสามารถเลือกที่จะ “ไม่ให้อาหาร” พวกมันได้ …  การมีสติ  และรู้ทันกลเกม ของบรรดา “เหยื่อล่อ” ต่างๆ จะช่วยให้เราใช้ชีวิตในโลกดิจิทัลได้อย่างสงบ และมีพลังงานชีวิตเหลือพอไปทำสิ่งอื่นๆ ที่สร้างสรรค์กว่า และมีประโยชน์กว่า  การเที่ยวไปโต้เถียงกับใครก็ไม่รู้ ในคอมเมนต์ ครับ  มันไร้ค่า ครับ  ….

 

คำจำกัดความอย่างเป็นทางการจาก OUP กล่าวว่า “rage bait” หมายถึง

ประชาสัมพันธ์

.

kombucha by scoby do it

.

 “online content deliberately designed to elicit anger or outrage by being frustrating, provocative, or offensive, typically posted in order to increase traffic… or engagement with a particular web page or social media account.”

แหล่งอ้างอิง / สำหรับอ่านเพิ่ม

  • Oxford University Press – The Oxford Word of the Year 2025 is ragebait Oxford University Press+2the-journal.com+2
  • PBS News / Associated Press – Oxford University Press names ‘ragebait’ as 2025 word of the year PBS+1
  • Euronews – ‘Ragebait’ crowned Oxford’s Word of the Year for 2025 euronews
  • The Guardian – ‘Ragebait’ named Oxford Word of the Year by Oxford University Press The Guardian
  • Smithsonian Magazine – Rage bait, which describes online content created to make us mad, is Oxford’s 2025 Word of the Year Smithsonian Magazine
  • India Today – Oxford Word of the Year 2025 is ‘ragebait’: Meaning, origin, and usage India Today

 

📚   แนะนำหนังสือที่เกี่ยวข้อง 

หนังสือที่เกี่ยวข้องกับ Rage Bait

Digital Minimalism
ใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายในโลกที่วุ่นวาย
โดย Cal Newport
– สำนักพิมพ์  วีเลิร์น (WeLearn)

สอนวิธีการ “ลด” การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่ไม่จำเป็น เพื่อให้มีสมาธิและใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพมากขึ้น สอนให้เราเลือกใช้เครื่องมืออย่างมีเป้าหมาย ไม่ใช่แค่ทำตามกระแส  สอนปรัชญาการใช้เทคโนโลยีอย่างมีจุดมุ่งหมาย ลดกิจกรรมออนไลน์ที่ก่อให้เกิดความฟุ้งซ่าน ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการหลีกเลี่ยง RageBait และอาการติดโซเชียล

>>>  สั่งซื้อเล่มนี้ ทางออนไลน์ 

 

 



Cultures of Fermented 
by Scoby Doit
Previous Article