Thai Book Review แนะนำหนังสือ

มหาสุสาน จิ่นซีฮ่องเต้ ตอน 3 แนะนำโบราณวัตถุ ที่ห้ามพลาดชม

‘จิ๋นซีฮ่องเต้: จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีน

กับกองทัพทหารดินเผา และโบราณวัตถุ’

  อย่างที่เกริ่นไปตั้งแต่ตอนที่ ๒ ไว้ว่า ตอนสุดท้ายนี้จะเป็นการแนะนำโบราณวัตถุ ของมีคุณค่าที่ห้ามพลาดชมในนิทรรศการพิเศษ ‘จิ๋นซีฮ่องเต้: จักรพรรดิองค์แรกของแผ่นดินจีนกับกองทัพทหารดินเผา’ ซึ่งจัดแสดงขึ้น ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ตั้งแต่วันที่ ๑๕ กันยายน ๒๕๖๒ ถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ ประเทศไทยของเราได้รับโอกาสอันพิเศษสุดๆ จากทางรัฐบาลจีน หน่วยงาน พิพิธภัณฑ์จีนในมณฑลส่านซีที่ได้อนุญาตให้นำโบราณวัตถุอายุกว่า ๒,๒๐๐ ปี จำนวนถึง ๑๓๓ รายการ จากพิพิธภัณฑ์หลายแห่งในมณฑลส่านซี สาธารณรัฐประชาชนจีนให้มาจัดการแสดงในประเทศไทยเป็นครั้งแรก นับเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่คนไทยทุกคนจะได้ชมโบราณวัตถุ ศิลปะวัตถุในสมัยขององค์จักรพรรดิจิ๋นซี โดยที่ไม่ต้องบินไปถึงเมืองซีอาน ยกเว้นเสียแต่ว่ายังชมไม่จุใจนะคะ ^^

ทำความรู้จักกับทีมนักโบราณคดี

อาจารย์ หยวนจ้งอี้ 袁仲一

หยวนจ้งอี้ 袁仲一ก่อนจะเริ่มแนะนำชิ้นโบราณวัตถุที่น่าสนใจ ซึ่งจะยกตัวอย่างให้ดูบางส่วนจากจำนวนทั้งหมดนั้น มีหลายท่านอาจจะไม่ทราบว่า การค้นพบสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ในครั้งแรกนั้น มีนักโบราณคดีท่านใดที่เปิดเผยความลับที่อยู่ใต้ดินมากว่า ๒,๒๐๐ ปี ให้คนทั้งโลกได้ตื่นตะลึงในปี ค.ศ.๑๙๗๔ หากไม่ได้ทีมหัวหน้าสำรวจมหาสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซี และกองทัพทหารดินเผา เราและคนทั้งโลก อาจจะยังจินตนาการเรื่องเหล่านี้ไม่ออก หรือไม่เห็นภาพเลยแม้แต่น้อย

หัวหน้าทีมสำรวจโบราณวัตถุของมหาสุสานจิ๋นซี มีนามว่า อาจารย์หยวนจ้งอี ท่านเป็นหัวหน้าคณะสำรวจทางโบราณคดีของศิลปวัตถุในช่วงสมัยราชวงศ์ฉิน และ เชวี่ยงอี่ อาจารย์หยวนจ้งอี ได้รับการขนานนามว่าเป็น พระบิดาแห่งหุ่นทหารดินเผาของกองทัพจิ่นซี เมื่อครั้งท่านทราบข่าวว่ามีการค้นพบสุสานทหารจิ๋นซี ท่านได้เร่งเดินทางมาสำรวจในทันที และได้พบหลักฐานว่าพื้นที่บางแห่งในส่วนของมหาสุสาน เช่น หลุมที่ ๑ ปรากฎร่องรอยเผาไหม้ ซึ่งสันนิษฐานว่า เมื่อครั้งฌ้อปาอ๋องก่อกบฎในสมัยจักรพรรดิจิ่นซี ได้เผาทำลายพระราชวังอาฝางกง และมหาสุสานแห่งนี้ในบางส่วน

เครื่องดื่มชาหมัก kombucha by scoby do it

และได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกด้วยว่า ทหารกองทัพดินเผา เหล่านี้เป็นงานที่ปั้นขึ้นด้วยมืออย่างประณีตบรรจง ตัวหุ่นทหารมีทั้งสีหน้า แววตา หู จมูก ปาก รูปหน้าที่ไม่หมือนกันเลย อีกทั้งชุดเกราะ รองเท้า ก็มีความแตกต่างกันตามลำดับชั้นยศ การมวยผม หรือรวบผมไปทางใดทางหนึ่ง ยังชี้ให้เห็นถึงเอกลักษณ์ทางลักษณะของทหารที่อาจจะมีชนชาติที่มาที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้บนชุดเกราะเหล่านี้ยังมีสีสันที่สวยงามที่ได้จากการสกัดแร่รัตนชาติที่หาได้ในเวลานั้น จึงทำให้ สีสันบนชุดเกราะเหล่านี้ยังคงความสวยงาม มีสีสันสดใสแม้เวลาจะผ่านมาแล้วถึง ๒,๒๐๐ กว่าปี เป็นสิ่งที่น่ามหัศจรรย์อย่างยิ่งที่ชาวฉินรู้จักการแต่งแต้มสีสัน รวมไปถึงอาวุธต่างๆที่ประจำกายนายทหารทั้งหลาย ก็มีความคงทนแข็งแรงอีกด้วย

ทหารกองทัพดินเผา       กล่าวกันว่า…. ครั้งหนึ่ง ทีมสำรวจเคยขุดพบเจอทหารดินเผาพร้อมกระบี่ ซึ่งเป็นลักษณะของกระบี่ชุบโครเมียม เป็นนวัตกรรมที่ชาวฉินคิดขึ้นได้มานานแล้ว และไม่พบในยุคของราชวงศ์ต่อมาหรือราชวงศ์ไหนๆอีกเลย สรุปง่ายๆ คือ อาวุธที่ชุบโครเมียม เป็นผลงานชิ้นเอกที่ชาวฉินรู้ถึงเทคโนโลยีในการผลิตอาวุธและใช้การชุบโครเมียม ทำให้อาวุธยังคงทนและยังคงความคมและเงางาม แม้กาลเวลาจะผ่านมานับพันปีแล้วก็ตาม และกระบี่เล่มที่ว่านี้ เมื่อครั้งขุดเจอ ลักษณะกระบี่โดนหุ่นทหารทับจนงอ แต่เมื่อยกหุ่นทหารดินเผาออก ตัวเล่มกระบี่กลับดีดตัวเป็นแนวเส้นตรงได้เช่นเดิม

       นอกจากนี้อาจารย์หยวนจ้งอี ยังเป็นผู้พบ รถม้าสำริดโบราณ สุดยอดงานชิ้นเอกของสมัยราชวงศ์ฉิน รถม้าดังกล่าว แรกเริ่มที่ขุดเจอ ในส่วนของห้องโดยสารของราชรถ เดิมทีเป็นไม้ และมีการผุพังไปตามกาลเวลา แต่ส่วนม้า ๔ ตัวเป็นสำริด ที่มีเครื่องประดับทอง เงิน มีน้ำหนักโดยรวมถึงกว่า ๑๕ กิโลกรัม และมีความเสียหายค่อนข้างมาก ท่านและทีมงานเป็นผู้บูรณะส่วนของศิลปะวัตถุอันทรงคุณค่านี้ทั้งหมด นับได้ว่าอาจารย์หยวนจ้งอี คือ ผู้มีคุณูปการต่อวงการนักโบราณคดี ศิลปะ และประวัติศาสตร์ของจีนเป็นอย่างยิ่ง

 

รถม้า

         ในการจัดแสดงนิทรรศการพิเศษครั้งนี้ ต้องขอบพระคุณ  กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม เป็นอย่างยิ่งที่ดำเนินการ และประสานงานกับทางการจีนมาอย่างยาวนาน และในที่สุดเราคนไทยก็ได้มีโอกาสชื่นชมโบราณวัตถุระดับโลก ในประเทศไทย หากคุณผู้อ่านได้มีโอกาสเดินทางมาเยี่ยมชมนิทรรศการพิเศษชุดนี้ สิ่งที่ห้ามพลาดชม (จริงๆแล้ว ก็น่าชมทุกชิ้น) แต่จะขอคัดมาบางส่วน เพราะเป็นชิ้นไฮไลท์ที่ควรใช้เวลาอ่าน หรือ ดูนานสักหน่อย อยากจะขอเริ่มกันที่ แผ่นจารึกพระบรมราชโองการของจักรพรรดิจิ๋นซีเป็นชิ้นแรก ค่ะ

แผ่นจารึกสำริดชิ้นเล็กๆ แต่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ชิ้นนี้

เป็นจุดเริ่มต้นของการรวมทุกแคว้นให้เป็นหนึ่ง และคือจุดเริ่มต้นของความเป็นจีนแผ่นดินเดียว

แผ่นสำริดจารึก

       รายละเอียดของแผ่นสำริดจารึกชิ้นนี้ว่าด้วยเรื่องการกำหนดมาตราชั่ง ตวงวัด ให้ทุกพื้นที่ภายใต้การปกครองของจักรพรรดิจิ๋นซีได้ใช้เหมือนกันทั้งหมด เป็นการจารึกพระบรมราชโองการว่าด้วยการใช้ระบบชั่งตวงวัดให้เป็นระบบเดียวเป็นครั้งแรกของรัชสมัย ทรงตระหนักดีว่าชาวจีนเป็นชนชาติที่เก่งเรื่องการค้าขาย เมื่อทรงรวมแคว้นทั้ง ๗ ได้เป็น ๑ เดียวแล้วนั้น จึงอยากกำหนดให้ทุกพื้นที่ใช้ระบบเดียวกันเพื่อป้องกันการทะเลาะเบาะแว้ง และการขัดแย้งในภายหลัง ซึ่งอาจจะส่งผลทำให้ขาดเอกภาพในการดูแลและปกครอง

แผ่นทองคำ

แผ่นทองคำ ซึ่งเป็นวัสดุทองคำบริสุทธิ์ ๑๐๐%

    ชิ้นต่อไปคือ แผ่นทองคำ ซึ่งเป็นวัสดุทองคำบริสุทธิ์ ๑๐๐% นี้ พบว่ามีมากกว่า ๒๑๙ ชิ้น และแต่ละเหรียญมีน้ำหนักได้ถึง ๑๖ บาท เหรียญทองคำที่ขุดค้นได้นี้ เป็นชิ้นงานอายุสมัยราชวงศ์ฮั่น ซึ่งในยุคนั้นนอกจากใช้จับจ่ายแล้ว ยังเป็นของกำนัลที่ให้กันอีกด้วย บ่งบอกถึงความมั่งคั่ง ร่ำรวยและเฟื่องฟูในยุคสมัยฮั่นได้เป็นอย่างดี

 

หยกโบราณ

โบราณวัตถุ จีน หยกโบราณ

เครื่องประดับสำคัญอีกอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือ หยก โบราณวัตถุ อีกชิ้นที่พบเห็นได้มากในหลุมสุสานที่ขุดได้ เพราะชาวจีนมีความเชื่อว่าหยกเป็นทั้งเครื่องประดับศพ เครื่องรางของขลัง และเป็นเครื่องแสดงยศถาบรรดาศักดิ์ นักประวัติศาสตร์ชาวจีนนามว่า หยวนกัง ได้กล่าวไว้ว่า หยก เป็นวัตถุดิบที่มีความสำคัญ มีนัยแห่งความยิ่งใหญ่ และแสดงฐานะของผู้ครอบครอง หลักฐานทางโบราณคดียังระบุว่า หยก ถูกใช้ในสังคมจีนมามากกว่า ๕,๐๐๐ ปีแล้ว ซึ่งในนิทรรศการพิเศษชุดนี้ มีชิ้นหยกโบราณหลายชิ้นที่ควรชม เช่น เครื่องประดับต่างหู ปี้หรือหยกที่ใช้ในพิธีกรรม หรือหยกรูปหมูสำหรับใส่ไว้ในมือของผู้วายชนม์

 

อาวุธสมัยราชวงศ์ฉิน

ส่วนผสมของ ดีบุก ตะกั่ว ทองแดง

จีน วัตถโบราณ เกอ

     นอกเหนือจาก โบราณวัตถุ หยกและทองคำ ที่มีมากแล้ว ชาวฉินยังมีความรู้ความสามารถในการผลิตอาวุธที่น่าทึ่งอีกด้วย ซึ่งในส่วนของการจัดแสดงอาวุธสมัยราชวงศ์ฉินที่ขุดเจอ เป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้เลยที่ต้องชม เพราะชนชาติฉินนับได้ว่ามีความรู้ความสามารถในการผลิตอาวุธเป็นอย่างยิ่ง และยังรู้ด้วยว่าการผลิตอาวุธแต่ละประเภท จะจัดส่วนผสมของดีบุก ตะกั่ว ทองแดง ในปริมาณเท่าไหร่จึงจะเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการใช้งานได้จริง ตัวอย่างอาวุธที่นำมาจัดแสดงเช่น ไกหน้าไม้ คันธนู และเกอ เหล่านี้เป็นอาวุธพิฆาตที่มีความรุนแรงและมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง นักวิทยาศาสตร์ได้ทำการทดลองถึงความคม ยังสามารถพิสูจน์ได้ด้วยว่า แม้อายุจะผ่านมานับพันปีแล้ว แต่อาวุธเหล่านี้ยังคงความคมไว้อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นหมายความว่าเมื่อ ๒,๒๐๐ กว่าปีก่อน ชาวฉินรู้จักกันผลิตเครื่องจักรที่สามารถลับคมอาวุธอย่าง หัวธนู กระบี่ ฯลฯ ได้แล้ว มันเป็นไปได้อย่างไร ช่างเป็นเรื่องมหัศจรรย์จริงๆ

วัตถุโบราณ จีน ไกหน้าไม้ สำริด     ในยุคที่ต้องทำสงครามเพื่อรวบรวมแคว้นนั้น จำนวนทหารที่ราชสำนักอย่างเดียว ย่อมไม่เพียงพอต่อการทำสงครามสู้รบแน่นอน จึงต้องมีการเกณฑ์ราษฎร ชาวนา ชาวไร่มาเพื่อสู้รบด้วย แต่จะทำอย่างไรให้ราษฎรผู้ที่ไม่เคยจับอาวุธสู้รบกับใครเลยสามารถทำสงครามแย่งชิงแคว้นได้ การประดิษฐ์คิดค้นไกหน้าไม้จึงเป็นคำตอบที่ทำให้ ราษฎรที่ไม่เคยสู้รบ สามารถเป็นพลทหารธนูได้อย่างสบาย

  นับได้ว่า ไกหน้าไม้สำริด ที่ขุดพบนั้นเป็นสิ่งทรงอานุภาพความรุนแรงที่น่าสนใจ เพราะสามารถทำให้การยิงธนูเห็นผลสัมฤทธิ์ในเรื่องประสิทธิภาพของความเร็ว แรง และแม่นยำ ซึ่งจากการขุดค้นและพบซากโครงกระดูกมนุษย์ มีบางศพที่ขุด พบร่องรอยและหัวธนูฝังอยู่ในกระโหลกศรีษะ นี่เป็นสิ่งที่พิสูจน์ให้เห็นได้ชัดว่า ชาวฉินมีความรู้ความสามารถในการคิดค้นอาวุธโลหะได้อย่างน่าเหลือเชื่อจริงๆ

 

เกอ และ ใบหอก

      โบราณวัตถุ อาวุธโลหะ อีกชนิดหนึ่งที่มีอานุภาพไม่แพ้ ไกหน้าไม้ ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นคือ เกอ และ ใบหอก ในภาพยนตร์จีนโบราณ เมื่อเราเห็นกองทัพของทหารในแต่ละแคว้นสู้รบกัน แนวหน้าที่เป็นพลทหารราบ พลทหารเดินเท้ามักมีอาวุธคู่มืออย่างหนึ่งนั่นคือ ใบหอกที่มีด้ามจับเป็นไม้ ใช้ในการต่อสู้ระยะประชิด และใช้ร่วมกับเกอ ที่ใช้มาตั้งแต่สมัยจีนโบราณ ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซาง และต่อเนื่องมาถึงสมัยราชวงศ์ฉิน

เกอ ( 戈 Ge ภาษาจีนกลาง )ในมหาสุสานจักรพรรดิจิ๋นซี หลุมที่ ๑ มีการขุดพบ เกอ และ ส่วนของหอกอยู่เป็นจำนวนมาก ส่วนของด้ามไม้นั้นผุพังไปแล้วตามกาลเวลา นั่นทำให้เราสามารถจินตนาการได้ว่าเมื่อครั้งมหาสุสานจิ๋นซีสร้างเสร็จในครั้งแรก กองทัพหุ่นทหารดินเผาพร้อมอาวุธในมือเหล่านี้จะดูน่ากลัว ยิ่งใหญ่ และดูน่าเกรงขามเพียงใด

และเมื่อพูดถึงอาวุธ ผู้ครอบครองอาวุธทรงอานุภาพเหล่านี้ ก็คือ เหล่าทหารดินเผา ในบรรดาทหารดินเผาของกองทัพจักรพรรดิจิ๋นซี แต่ละตัวมีความแตกต่างกันอย่างที่ได้พูดถึงไปก่อนหน้านี้แล้ว ความประณีต ละเอียด และการใส่ใจในการปั้นหุ่นด้วยดินเผาด้วยมือทั้ง ๒ ข้าง จะเห็นได้ว่าเสื้อผ้าอาภรณ์ ทรงผม ลักษณะเครื่องแต่งกายยังสามารถบ่งบอกถึงตำแหน่ง หน้าที่การงานได้อีกด้วย เช่น เสนาบดี พลทหารธนู ทหารม้าสื่อสาร ราชองค์รักษ์ ฯลฯ ลักษณะของหุ่นทหารดินเผาแต่ละตัวยังมีน้ำหนักมากกว่า ๒๐๐ กิโลกรัม ส่วนสูงราวๆ ๑๗๐-๑๙๐ เซ็นติเมตร เท่ากับคนจริงทุกประการ!

ยศทหาร โบราณวัตถุ

 

ราชรถม้าสำริด

ราชรถม้าสำริด

     โบราณวัตถุ อีกชิ้นไฮไลท์ที่ใครๆ ต่างเฝ้ารอ ใจจดใจจ่ออีกชิ้นในกลุ่มกองทัพทหารดินเผา คือ ราชรถม้าสำริด ซึ่งแน่นอนว่าของจริงนั้น ทางการจีนไม่สามารถนำออกนอกประเทศเพื่อไปจัดแสดงที่ไหนในโลกได้ แต่ถึงแม้สิ่งที่นำมาจัดแสดงจะเป็นของที่จำลองมาจากของจริง แต่รายละเอียดทุกอย่างเหมือนกันหมดจนแทบจะแยกของจริงกับของจำลองไม่ได้เลย 

โบราณวัตถุ ราชรถม้า สำริด จีนราชรถม้าสำริด แรกเริ่มที่ขุดพบ ทางนักโบราณคดีจีนระบุว่า มีความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในส่วนของตู้โดยสาร ที่ประทับของจักรพรรดิจิ๋นซี ซึ่งแต่เดิมเป็นไม้ มีการผุพังและย่อยสลายไปตามกาลเวลา และในส่วนของม้าทั้ง ๔ ตัวก็มีลักษณะเป็นเศษซากปรักหักพัง มีชิ้นส่วนแตกหักเสียหายกว่า ๓,๐๐๐ ชิ้น ทางการจีนได้ใช้เวลาต่อชิ้นส่วนเหล่านี้จากจินตนาการล้วนๆ กว่า ๘ ปี ถึงจะสัมฤทธิ์ผล นี่เป็นอีกเหตุผลที่ชิ้นสำคัญชิ้นนี้ไม่สามารถนำไปจัดแสดงที่ไหนในโลกได้ เพราะต้องได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดีที่สุด หากท่านใดอยากชมราชรถต้นฉบับองค์จริงของพระองค์ สามารถไปชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ซีอานค่ะ  

ราชรถม้าชุดนี้ มีความงดงามอย่างที่สุด นอกจากเนื้อสำริดและความสมจริงเรื่องสัดส่วนของม้า (แม้ว่าจะถูกย่อส่วนลงจากม้าจริง ๑ เท่า) ก็ยังมีเครื่องประดับม้า ส่วนประกอบอื่นๆ บังเหียนเช่น ทองคำ เงิน ที่มีน้ำหนักมากกว่า ๑๕ กิโลกรัม และมีเนื้อทองคำและเงินที่สวยงามแม้จะผ่านกาลเวลามานับพันปี ที่ควรค่าแก่การใช้เวลาพิจารณาดู

 

 

กิจกรรมของ จักรพรรดิจิ๋นซี ยามค่ำคืน

      เล่ากันว่าในสมัยจักรพรรดิจิ๋นซียังทรงอำนาจนั้น ในยามค่ำคืนนอกจากจะทรงโปรดการอ่านหนังสือ ตำราแล้ว กิจกรรมอีกอย่างที่ทรงชื่นชอบ คือ การนั่งราชรถม้าออกไปยามดึกดื่นเพื่อตรวจตราความเป็นไปของบ้านเมือง และชาวอาณาประชาราษฎร์ ว่าเป็นอยู่อย่างไร มีสิ่งใดที่ทรงต้องแก้ไขและปรับปรุง ราชรถม้าของพระองค์จึงต้องมีความสง่างามสมกับพระเกียรติยศของพระองค์ 

    ตู้โดยสารยังมีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่า ราชรถม้านี้จะเป็นขององค์จักรพรรดิเท่านั้น ด้วยลวดลายมังกรฟ้อนเมฆ ที่วิจิตรงดงามอย่างที่สุด รวมถึงม้า ๔ ตัว ข้างหน้า ยังมีสัญลักษณ์คือ พู่ประดับบนศรีษะม้า ๑ ตัว เพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่า นี่คือราขรถม้าขององค์พระจักรพรรดิแต่เพียงผู้เดียว 

 

 โบราณวัตถุ 

ชุดเกราะหิน

ชุดเกราะหิน โบราณ จีน
mde

     สิ่งน่ามหัศจรรย์อีกอย่างที่ควรชม คือ ชุดเกราะหิน โบราณวัตถุที่ขุดพบในสุสานส่วนพระองค์ในปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ ชุดเกราะหินชุดนี้มีลักษณะเช่นเดียวกับชุดเกราะเหล็กที่ใช้ในการทำสงครามจริง ประกอบด้วยแผ่นหินมากกว่า ๔๐๐ ชิ้น ที่ร้อยด้วยเส้นลวดทองแดงเพื่อขึ้นเป็นลำตัว ชุดเกราะหินอันน่ามหัศจรรย์นี้ สันนิษฐานว่าไม่ได้ใช้งานจริง แต่อาจจะสร้างขึ้นเพื่อฝังลงไปในสุสานของพระองค์เท่านั้น  

  ในนิทรรศการพิเศษชุดจิ๋นซีฮ่องเต้นี้ ไม่ได้มีเพียงโบราณวัตถุอย่าง ทหารดินเผาในสมัยราชวงศ์ฉินเท่านั้น  แต่ยังมีทหารดินเผาใน สมัยราชวงศ์ฮั่น อีกด้วย แน่นอนว่าลักษณะแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง เช่น ขนาด หรือ สีหน้าแววตา เพราะทหารดินเผาในสมัยราชวงศ์ฮั่น เริ่มมีเทคโนโลยีแม่พิมพ์เข้ามาแล้ว จึงทำให้ทหารดินเผาที่ขุดเจอได้ที่สุสานฮั่นหยางหลิง สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก มีรูปแบบเดียวกันหมด หน้าตา ลักษณะ ส่วนสูง แบบเดียวกัน และที่เห็นหุ่นเปลือยเปล่านั้น แต่เดิมนั้นหุ่นเหล่านี้มีเสื้อผ้าอาภรณ์แพรไหมห่อหุ้ม แต่ด้วยกาลเวลาที่ผ่านมานับพันปี ทำให้เสื้อผ้าผุพังและย่อยสลายไปหมด 

ทหารดินเผาในสมัยราชวงศ์ฮั่น

  ในสมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตก นับได้ว่าเป็นช่วงราชวงศ์ที่ไพร่ฟ้าหน้าใส มีแต่ความสุข ความเฟื่องฟู มั่งคั่งและร่ำรวยเป็นอย่างมาก สังเกตได้จากโบราณวัตถุหลายๆ ชิ้นที่ขุดพบในสุสานฮั่นหยางหลิง สุสานแห่งความสุขแห่งราชวงศ์ฮั่น ที่ตั้งอยู่ในนครเสียนหยาง สุสานแห่งนี้เป็นของจักรพรรดิฮั่นจิ่งตี้ ต้นบรรพชนของพระเจ้าเล่าปี่ ในละครสามก๊กที่เราชมกันนั่นเอง …..

    การขุดพบครั้งแรกนอกจากจะเจอหุ่นตุ๊กตาดินเผาแล้ว ยังมีหุ่นตุ๊กตาสัตว์เลี้ยงประเภทต่างๆ เช่น ไก่ หมู วัว ม้า เป็ด ฯลฯ รวมไปถึงภาชนะบรรจุของเหลวต่างๆ เช่น หู หัวลูกศรทองคำ ตุ๊กตาหญิงรับใช้ และของมีคุณค่าอีกมากมายค่ะ รวมถึงประตูสุสานซึ่งมีความสวยงาม และรายละเอียดที่น่าสนใจ เกี่ยวข้องกับความเชื่อ ความศรัทธา

 

บานประตูสุสาน แกะสลัก

      ประตูสุสานชิ้นนี้ อยู่ที่พิพิธภัณฑ์หยู่หลิน เป็นหินแกะสลักและเขียนสีประดับ โดยลักษณะบนบานประตูแกะสลักเป็นรูปเทพเจ้ามีภาพนกซ้อนอยู่ในภาพพระอาทิตย์มุมขวาบน และ มุมซ้ายคือพระจันทร์ที่มีคางคก อยู่ในวงกลมสีขาวแทนพระจันทร์เต็มดวง บนบานประตูมีรูปหงส์ ๒ ตัว ซึ่งหงส์สีแดงมีความหมายแทนเทพเจ้าประจำทิศใต้ โดยชาวฮั่นเชื่อว่า ทิศใต้เป็นทิศมงคล ประตูสู่สุสานแห่งนี้จึงหันหน้าไปทางทิศใต้ เพื่อความเป็นสิริมงคลของผู้วายชนม์นั่นเอง 

เครื่องดนตรีสำริดที่เรียกว่า

“เปียนจง”

สมัยราชวงศ์โจวตะวันออก

      นอกจาก โบราณวัตถุในสมัยราชวงศ์ฉิน ฮั่นตะวันตกแล้ว ในนิทรรศการครั้งนี้ ยังจัดแสดงโบราณวัตถุที่เก่าไปกว่าสมัยราชวงศ์ฉิน นั่นคือ ในสมัยราชวงศ์โจวตะวันออก แทบจะกล่าวได้ว่า เป็นยุคเริ่มต้นของประวัติศาสตร์จีนเลยทีเดียว โบราณวัตถุที่ขุดพบยังสะท้อนให้เห็นถึงชาวจีนในประวัติศาสตร์ก็นิยมการละเล่น ชอบความบันเทิง เช่นการค้นพบเครื่องดนตรีสำริดที่เรียกว่า เปียนจง ลักษณะคล้ายระฆัง ใช้วิธีการเคาะหรือตีให้เกิดเสียง โดยจะมีระฆังเปียนจงแขวนไว้เรียงกันเป็นแถว โดยเรียงตามขนาดเสียงสัมผัสสูง กลาง ต่ำ ทุกวันนี้ยังสามารถหาฟังเปียนจงอายุกว่า ๒,๕๐๐ ปีได้ที่นครอู่ฮั่น ในมณฑลหูเป่ย รับฟังได้ที่เดียวในประเทศจีน และในโลก ทางการจีนได้อนุรักษ์การละเล่นดนตรีชิ้นนี้เป็นอย่างดี นับเป็นผลงานการอนุรักษ์ทางด้านดนตรีที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศจีน

   โบราณวัตถุที่ยกเป็นตัวอย่างให้ได้ชมเหล่านี้ เป็นเพียงแค่ส่วนเล็กน้อยเท่านั้น อยากแนะนำว่า หากคุณมีโอกาสจะได้ชมหุ่นทหารดินเผาและวัตถุโบราณอื่นๆที่อยู่ใต้ดินมาราวกว่า ๒,๐๐๐ ปี ในสภาพที่ยังสมบูรณ์และสวยงามด้วยตาเนื้อของตน คุณจะจินตนาการถึงส่วนที่เหลือได้ไม่ยากว่า มหาสุสานส่วนพระองค์ที่รอวันและเวลาเปิดเผย เป็นสิ่งมหัศจรรย์อันดับที่ ๘ ของโลก จะยิ่งใหญ่อลังการเพียงใด ไม่เพียงแต่ของล้ำค่าที่ประเมินมูลค่าไม่ได้แล้ว มหาสุสานของจักรพรรดิจิ๋นซี ยังอุดมไปด้วย คติ ความเชื่อ กลไก วิธีสร้าง งานสถาปัตยกรรม ความรู้ทั้งในแง่ของศาสตร์และศิลป์ หลักการทางวิทยาศาสตร์ และอีกหลากหลายความรู้สาขาที่ต่อยอดองค์ความรู้ และภูมิปัญญาจีนโบราณไม่จบไม่สิ้น 

    ปัจจุบัน ณ พิพิธภัณฑ์เมืองซีอาน ก็ยังเปิดหลุมที่ขุดเจอให้ชมเท่าเดิม แต่รายละเอียแต่ละหลุมมีมากมายที่จะต้องทำการวิจัยต่อ หากคุณได้ไปเที่ยวชม ควรต้องซ้อมเรียกพิพิธภัณฑ์ซีอาน และมหาสุสานจักรพรรดิจิ๋นซีกับกองทัพทหารดินเผาว่า ปิงหมาหย่ง นี่คือชื่อที่เรียกกันจนคุ้นชินและเป็นที่รู้จักของทุกคนในประเทศจีน แต่ก่อนจะเดินไปชมกันถึงสถานที่จริง (หากยังไม่รู้สึกจุใจ) ฉันแนะนำให้ทุกคนไปชมนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้กับกองทัพทหารดินเผา ณ พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร กรุงเทพมหานคร ค่าเข้าชมเพียง ๓๐ บาทเท่านั้น ขอบอกว่าถูกเสียยิ่งกว่าถูก และการันตีได้เลยว่าหาตั๋วที่ถูกที่สุดกว่านี้ไม่มีในโลกนี้แล้วค่ะ เพราะนอกจากจะได้ชมนิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้แล้ว ยังมีโซนจัดแสดงใหม่ๆ อีกกว่า ๑๒ ห้อง ลุคใหม่ ทันสมัยและสิ่งของที่นำมาจัดแสดงยังเป็นชิ้นใหม่มากมายที่คุณอาจจะไม่เคยเห็นมาก่อน ไปครั้งเดียวได้ชมทุกอย่างค่ะ

นิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้กับกองทัพทหารดินเผา จะจัดแสดงให้ชมถึงวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๖๒ นี้เท่านั้น ชมได้ทุกวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๓๐ น.-๑๘.๐๐ น. ค่าเข้าชม ๓๐ บาทสำหรับชาวไทย และโปรดศึกษาถึงระเบียบ วินัยในการเข้าชม โปรดปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด เพื่อที่ว่าในโอกาสของอนาคต ประเทศไทยของเราจะไ้ด้รับโอกาสในการจัดการแสดงนิทรรศการระดับโลกเช่นนี้อีกค่ะ 

นิทรรศการจิ๋นซีฮ่องเต้กับกองทัพทหารดินเผา

ภาษิตจีนกล่าวว่า

จงปฎิบัติต่อความตายเหมือนการเกิด

มหาสุสาน พระราชวังใต้พิภพแห่งนี้จึงตอกย้ำความเชื่อขององค์จักรพรรดิ

ที่เชื่อว่าทรงนำสมบัติทุกอย่างไปสู่ปรโลกได้

นี่คือที่มาทั้งหมดของมหาสุสานจิ๋นซีฮ่องเต้

พระราชวังใต้พิภพอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร

สถานที่องค์จักรพรรดิจักเสวยสุขได้อย่างไม่มีวันตาย **

ประชาสัมพันธ์

 Xiaomi Kingsmith Walking Pad R1 Pro/ R2
ลู่เดิน/วิ่งไฟฟ้า พับเก็บได้ สำหรับการออกกำลังกายภายในบ้าน >>  คลิ๊กดูเพิ่มอีก 

 

 

อ้างอิง

ภาพจาก อาจารย์ปริวัฒน์ จันทร

ภาพจาก BBC News:   https://www.bbc.com/news/world-asia-china-44244493 

ภาพอาจารย์หยวนจ้งอี จาก http://news.sina.com.cn/o/2017-09-16/doc-ifykynia7601410.shtml 

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ พระนคร 

แนะนำหนังสือ ประวัติศาสตร์ จีน