miscellaneous, Thai Book Review แนะนำหนังสือ, Uncategorized

Kombucha บนเส้นทางกว่า 2,000 ปี ของชาหมักจากตะวันออกสู่โลกยุคใหม่

คอมบูชะ Kombucha

Kombucha ( คอมบูชะ )  เครื่องดื่มเปรี้ยวซ่าและหอมละมุน ที่หลายคนติดใจ แต่เบื้องหลังรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์นั้น  มีประวัติศาสตร์ยาวนาน ที่ไล่เรียงมาจากพันปี ก่อนที่จะกลายเป็นเทรนด์สุขภาพในยุคนี้ เรื่องราวของคอมบูชะนั้น น่าสนใจกว่าที่คุณคิด เราจะพาคุณย้อนเวลาไปด้วยกัน ตั้งแต่จุดเริ่มต้นในยุคโบราณ จนมาถึงคลื่นลูกใหม่ในศตวรรษที่ 21 ….

The 2,000-year Journey of Kombucha
: From Ancient Ferment to Global Wellness   

ประวัติของเครื่องดื่ม Kombucha – คอมบูชะ
— จากเรื่องเล่า 2,000 ปี ที่กลายเป็นเครื่องดื่มของคนยุคใหม่

ถ้าจะเริ่มต้น ให้เล่าเรื่อง kombucha- คอมบูชะ ในแบบที่อ่านเข้าใจง่ายๆ แบบสบาย ๆ และเป็นเรื่องต่อเนื่อง ต้องเริ่มจากคำถามง่ายๆ ว่า  “ มันมาจากไหน? ”   ….  ซึ่งผมต้องขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะครับว่า   คำตอบไม่ตรงไปตรงมา และชัดเจน  นั่นก็เพราะ ….   kombucha  คือส่วนผสมระหว่างตำนาน ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ และการขยายตัวของวัฒนธรรมการบริโภคอาหารหมัก ผ่านยุคสมัยต่างๆ   บทความนี้ จะพาคุณไล่เรียงตั้งแต่ จุดเริ่มต้น ตลอดจน วิวัฒนาการสู่กระป๋องในซูเปอร์มาร์เก็ตในยุคปัจจุบัน พร้อมแหล่งอ้างอิงจากงานวิชาการและสารานุกรมต่างประเทศที่เชื่อถือได้  ครับ

  • ต้นกำเนิด Kombucha -คอมบูชะ มาจาก นิทานและบันทึกโบราณ
    ( จีน … เป็นจุดเริ่มต้นที่เป็นที่ยอมรับมากที่สุด )

นักบวชหรือแพทย์ชื่อ “คัง หู” (Kang Hu) เป็นผู้ที่นำเชื้อราสุดลึกลับนี้มาใช้เป็นยาอายุวัฒนะสำหรับจักรพรรดิ์ฉินซีฮ่องเต้  เรื่องเล่า ที่ได้รับการอ้างบ่อยที่สุด คือ Kombucha มีต้นกำเนิดจากจีนตอนเหนือ หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จุดเริ่มต้นของคอมบูชะ ถูกบันทึกไว้ในตำนานจีนสมัยราชวงศ์ฉิน (Qin Dynasty) และฮั่น (Han Dynasty) ราว 220 ปี ก่อนคริสต์ศักราช   และได้ชื่อเสียงว่าเป็น “ยาดีเพื่อความยืนยาว” หรือ “เครื่องดื่มแห่งความเป็นอมตะ”  หรือ “ชาอมตะ” (Tea of Immortality)   ที่จักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ทรงโปรด   ชาวจีนโบราณเรียกเครื่องดื่มนี้ว่า “ชาเห็ด” (Haomocha / 紅茶菌) เพราะมีสิ่งมีชีวิตรูปกลม ลอยอยู่บนผิวของน้ำชา ซึ่งแท้จริงคือ SCOBY (Symbiotic Culture of Bacteria and Yeast) หรือแผ่นยีสต์และแบคทีเรียที่ร่วมหมักชานั่นเอง …

… มีเรื่องเล่าขานกันว่า นักบวชหรือแพทย์ชื่อ  “คังหู” (Kang Hu) เป็นผู้ที่นำเชื้อราสุดลึกลับนี้  มาใช้เป็นยาอายุวัฒนะสำหรับจักรพรรดิ์ฉินซีฮ่องเต้ ผู้ปรารถนาจะมีชีวิตที่เป็นอมตะ เชื่อกันว่า  คังหู ค้นพบเครื่องดื่มนี้โดยบังเอิญ หลังจากที่ชาที่เขาต้มไว้ถูกทิ้งไว้และเกิดการหมักด้วย “สิ่งมีชีวิต” จากอากาศ จนกลายเป็นเครื่องดื่มเปรี้ยวซ่า ที่มีเยลลี่ลอยอยู่ด้านบน เขาตั้งชื่อมันว่า “ชาของคัง” หรือ “Tea of Kang” ซึ่งบางตำราก็เรียกว่า “Immortality Tea” หรือ “ชาอายุวัฒนะ”

( Ref.  Dufresne, C., & Farnworth, E. (2000). Tea, Kombucha, and Health: A Review. Food Research International, 33(6), 409-421. )

 

แม้จะเป็นตำนานที่ขาดหลักฐานทางประวัติศาสตร์จารึกไว้อย่างชัดเจน แต่เรื่องเล่านี้ก็ถูกบอกต่อกันมาทางปากเปล่าและสะท้อนถึงความเชื่อดั้งเดิมของคอมบูชาในฐานะเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและ longevity

ตามตำนานหลายฉบับ ….  ต่อมา  มีการเผยแพร่ไปยัง ญี่ปุ่น และรัสเซีย  ผ่านเส้นทางการค้าและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม. งานสรุปความรู้ทางวิทยาศาสตร์ และบทความวิจัยหลายชิ้น  ให้ข้อมูลว่า มีการบริโภคเครื่องดื่มชาหมักแบบนี้ ในจีนมานานกว่า 1,500–2,000 ปี (และมีการสืบค้นบันทึกการใช้เป็นยารักษาโรคในหลายแหล่ง)

หมายเหตุ : อีกหนึ่งตำนานที่ขึ้นชื่อเรื่องหนึ่ง  คือ   “คุณหมอคอมบู (Dr. Kombu)” ผู้ถูกเล่าว่า ได้นำเครื่องดื่มนี้ไปให้จักรพรรดิญี่ปุ่น และรักษาอาการท้องผูกหรือปัญหาในกระเพาะ —> เรื่องเล่านี้ อาจปะปนระหว่างตำนานกับการเรียบเรียงประวัติศาสตร์ และไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์เชิงเอกสารเพียงพอที่จะยืนยันทุกรายละเอียดเชิงนิทานนี้

 ** อย่างไรก็ดี นักวิชาการเตือนว่า  เรื่องเล่าเหล่านี้ไม่ได้มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ชัดเจนทั้งหมด

— กล่าวคือ แม้จะมีบันทึกโบราณอ้างอิงถึง “เห็ดชาหมัก” หรือ “เชื้อราในชา” (tea-mushroom) แต่การระบุว่าเป็น Kombucha แบบที่เราเข้าใจกันในปัจจุบันนั้น ยังไม่แน่นอนเต็มร้อย ครับ …

ในบันทึกจากงานวิจัย  “A Review on Kombucha Tea — Microbiology” (2014) ได้เสนอว่า Kombucha อาจมีต้นกำเนิดในแมนจูเรีย (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน) และเริ่มเป็นที่รู้จักในระดับพื้นบ้าน แล้วแพร่เข้าสู่ภูมิภาครัสเซียและยุโรปตะวันออกในเวลาต่อมา

ดังนั้น : จุดเริ่มของ Kombucha – คอมบูชะ  คือการหมักชาหวาน โดยใช้จุลินทรีย์ ซึ่งอาจมีมูลค่าทางวัฒนธรรม (ในฐานะเครื่องดื่มสุขภาพ)  ตั้งแต่โบราณ — แต่เป็นที่ยอมรับว่า  เรายังไม่ทราบ “ผู้คิดค้น” ที่ชัดเจน 

อ้างอิง:

  • Dufresne, C., & Farnworth, E. (2000). Tea, Kombucha, and health: a review. Food Research International, 33(6), 409–421.
  • Marsh, A. J. et al. (2014). Sequence-based analysis of the bacterial and fungal compositions of multiple kombucha (tea fungus) samples. Food Microbiology, 38, 171–178.

ยุคการเดินทาง ของ Kombucha
และการแพร่กระจาย
ไปสู่  ญี่ปุ่น รัสเซีย ยุโรปตะวันออก 

  • ญี่ปุ่น (คริสต์ศตวรรษที่ 4–5)

ตำนานหนึ่งกล่าวว่า ในปี ค.ศ. 414  มีแพทย์ชาวเกาหลีหรือจีนชื่อ Dr. Kombu ได้พาเชื้อ kombucha-คอมบูชะ  ไปให้จักรพรรดิ Emperor Inyō  ของญี่ปุ่น เพื่อรักษาอาการป่วยในระบบทางเดินอาหาร  เครื่องดื่มนั้น  จึงได้รับความสนใจในญี่ปุ่น และชื่อ “kombucha” อาจมาจากชื่อ “Kombu” + “cha” (ชา) ในภาษาญี่ปุ่น

*เป็นที่น่าสังเกตว่า  ในญี่ปุ่น คำว่า konbu-cha (昆布茶)   ซึ่งที่จริงแล้ว หมายถึง “ชาสาหร่ายคอมบุ” ซึ่งไม่ใช่เครื่องดื่มหมักแบบ kombucha ที่รู้จักกันในโลกตะวันตก — ทำให้เกิดความสับสนทางภาษา 

อย่างไรก็ตาม เอกสารประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เช่น Nihon Shoki ก็ไม่ได้ระบุแน่ชัด จึงมีความเป็นไปได้ว่านี่เป็นการตีความภายหลังในยุโรปยุคศตวรรษที่ 20

 

  • รัสเซีย & ยุโรปตะวันออก (คริสต์ศตวรรษที่ 19)

Kombucha – คอมบูชะ  เดินทางสู่รัสเซีย ราวช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ผ่านเส้นทางค้าระหว่างจีนกับยุโรป ที่นั่นมันถูกเรียกว่า “Kambucha,” “Kambucha Kvass,” หรือ “Chaynyy grib” (Чайный гриб) แปลตรงตัวว่า “เห็ดชา”

   ในรัสเซียและยูเครน มันกลายเป็น เครื่องดื่มประจำบ้าน โดยชาวบ้านมักเก็บ SCOBY ไว้ในโหลแก้ว แล้วหมักชาดำกับน้ำตาลไว้หลายวัน ก่อนนำมาดื่มในหน้าร้อน

“ในเมืองชนบทของรัสเซีย แทบทุกบ้านจะมีโหลคอมบูชะตั้งอยู่บนขอบหน้าต่าง” — The Moscow Times, 1996

เมื่อเข้าสู่ ยุโรปตะวันตก โดยเฉพาะเยอรมนี ในต้นศตวรรษที่ 20 เครื่องดื่ม kombucha – คอมบูชะ นี้ถูกมองว่าเป็น “probiotic tonic”  ที่ช่วยบำรุงระบบลำไส้  มีงานวิจัยในปี 1913–1914 ที่เมืองเบอร์ลิน  ศึกษาประโยชน์ทางจุลชีววิทยา และพบแบคทีเรียชนิด Acetobacter xylinum (ปัจจุบันคือ Komagataeibacter xylinus) เป็นตัวสร้างเซลลูโลสในชาหมัก

ในบทความของ Vox Creative Next ระบุว่า รัสเซียเป็นหนึ่งในประเทศที่ ใช้ “ kombucha – คอมบูชะ กันอย่างแพร่หลาย” โดยเฉพาะในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 , ครอบครัวชาวรัสเซียชนบทเลี้ยง kombucha แบบโฮมเมดกันมานาน  ตัวอย่างจากงาน  “The History of Kombucha Across the World” ระบุว่าในยุโรปรัสเซียและยุโรปตะวันออก kombucha ถูกใช้ในฐานะเครื่องดื่มพื้นบ้านที่ช่วยเรื่องย่อยอาหาร 

อ้างอิง:

  • Teoh, A. L., Heard, G., & Cox, J. (2004). Yeast ecology of Kombucha fermentation. International Journal of Food Microbiology, 95(2), 119–126.
  • ช่วงสงครามโลกกับการหายไปชั่วคราว (ค.ศ. 1920–1960)

ในยุคสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง  (WWI)  และหลังจากนั้น  kombucha-คอมบูชะ ถูกนำเข้าเยอรมนี และถูกค้นคว้าวิจัยในเยอรมัน เช่น  บันทึกหนึ่งกล่าวว่า  แพทย์ชาวเยอรมันชื่อ Dr. Rudolf Sklenar  พบว่ากองทหารรัสเซีย ดื่ม kombucha (คอมบูชะ) แล้วหายจากอาการบาดเจ็บ จึงนำเชื้อกลับไปเยอรมนี และช่วงนั้น kombucha เริ่มถูกจดทะเบียนเป็น protocol ทางการแพทย์ในบางแห่ง

   ดังนั้น หลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง คอมบูชะ  เป็นที่นิยมในยุโรปตะวันตก โดยเฉพาะเยอรมนีที่มองว่าเป็นเครื่องดื่ม “ดีท็อกซ์” และ “ต้านชรา”   แต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ความนิยมลดลงเพราะ ขาดแคลนชาและน้ำตาล

     หลังสงครามสิ้นสุด  ในช่วงปี 1960s–70s เครื่องดื่มนี้กลับมาอีกครั้งในกลุ่มคนรักสุขภาพ และ Hippie Culture ที่นิยมอาหารธรรมชาติและชีวจิต …

“มันไม่ใช่เพียงเครื่องดื่ม แต่คือวิถีชีวิตของคนที่เชื่อในพลังธรรมชาติ”

 

  • การฟื้นคืนชีพ ของ Kombucha ในโลกตะวันตก (ค.ศ. 1980–2000)

 

จีที เดฟ   ผู้ก่อตั้ง GT’s Living Foods เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นบุคคลแรกที่จําหน่ายคอมบูชาในเชิงพาณิชย์บนชั้นวางซูเปอร์มาร์เก็ตในสหรัฐฯ ในช่วงปลายทศวรรษ 1990 โดยแนะนําเครื่องดื่มให้กับผู้ชมในวงกว้างมากขึ้น

“I didn’t invent kombucha. I just bottled it for the world.”
— GT Dave, Interview with Forbes (2017)

ในอเมริกา –  Kombucha -คอมบูชะ เริ่มเป็นที่รู้จักราวปลายทศวรรษ 1980 ผ่านชุมชนโยคะและผู้รักสุขภาพในแคลิฟอร์เนีย ผู้บุกเบิกตลาดคือ GT Dave (George Thomas Dave) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ GT’s Kombucha ในปี 1995 เขาเริ่มจากการหมักที่บ้านเพราะแม่ป่วยเป็นมะเร็ง และเชื่อว่าคอมบูชะช่วยให้สุขภาพของเธอดีขึ้น

GT’s Kombucha กลายเป็นแบรนด์แรกที่วางจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วสหรัฐฯ และเปิดทางให้เครื่องดื่มชนิดนี้กลายเป็น “Super Beverage”

  • Kombucha ยุคใหม่ จากโหลแก้วสู่ Global Wellness (ค.ศ. 2010–ปัจจุบัน)

 

เครื่องดื่ม kombucha by Scoby do it

     เมื่อกระแส “Gut Health” และ “Probiotics” เติบโตในยุค 2010s คอมบูชะ กลายเป็นสินค้าหลักในตลาด functional beverage  ตลาดโลกของ คอมบูชะ มีมูลค่ากว่า US$3.2 พันล้าน (ข้อมูลปี 2024, Grand View Research) และคาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องกว่า 20% ต่อปี

ปัจจุบันแบรนด์ต่างๆ ได้พัฒนา รสชาติใหม่ ๆ เช่น matcha kombucha, hibiscus, หรือ kombucha ผสมผลไม้รสเปรี้ยว  ในขณะที่ผู้บริโภคหันมาสนใจ low-sugar / non-alcoholic lifestyle มากขึ้น

อ้างอิง:

  • Grand View Research (2024). Kombucha Market Size, Share & Trends Analysis Report.
  • Mordor Intelligence (2024). Global Kombucha Market – Growth, Trends, Forecasts (2024–2029).

 

จากตำนานจักรพรรดิในจีน สู่โหลแก้วของชาวรัสเซีย และตู้แช่ในซูเปอร์มาร์เก็ตแคลิฟอร์เนีย
คอมบูชะสะท้อนแนวคิดเดียวกันคือ “การหมักคือชีวิต” (Fermentation is Life)

“ทุกฟองอากาศที่เกิดขึ้นในโหล คือการเต้นของจุลินทรีย์ที่มอบชีวิตใหม่ให้กับชา”


ไม่ว่าจะหมักที่บ้าน หรือดื่มจากขวดดีไซน์สวยๆ จากชั้นวางในห้างสรรพสินค้า  คอมบูชะ ยังคงเป็นเครื่องดื่มแห่งสมดุล — สมดุลระหว่างธรรมชาติ วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม

Kombucha – คอมบูชะ คือตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของ มรดกทางอาหาร ที่มีชีวิตชีวา เรื่องราวของมัน เริ่มต้นจากกระบวนการหมักชา ที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญในเอเชียตะวันออกเมื่อกว่า 2,000 ปีที่แล้ว ถูกส่งต่อผ่านพ่อค้า แพทย์ และทหาร จนกลายเป็นส่วนหนึ่งของยาพื้นบ้านในรัสเซียและยุโรป และมาถึงจุดสูงสุดในปัจจุบันในฐานะเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพระดับโลก

ถึงแม้ เราจะไม่รู้ว่าใครคือ “ผู้คิดค้น” แต่เราก็รู้ว่าจุลินทรีย์ที่รวมตัวกันเป็นแผ่น SCOBY อันน่าทึ่ง คือนักแสดงหลักที่อยู่เบื้องหลังตำนาน “ชาอมตะ” นี้อย่างแท้จริง


คอมบูชะ (Kombucha) กับ ประโยชน์ ที่เข้าใจง่าย
(พร้อมงานวิจัยอ้างอิง)

คอมบูชะ เป็นเครื่องดื่มชาหมัก  (ชา + น้ำตาล + SCOBY = ยีสต์ + แบคทีเรีย) ที่ให้สารหลายชนิดที่อาจเป็นประโยชน์ เช่น กรดอินทรีย์ (acetic, gluconic, glucuronic), โพลีฟีนอลจากชา, วิตามิน บีบางชนิด และจุลินทรีย์ “ที่อาจเป็นโพรไบโอติก” งานวิจัยในห้องทดลองและสัตว์ทดลองพบสัญญาณที่ดี (antioxidant, antimicrobial, ปรับสมดุลจุลินทรีย์) แต่หลักฐานจากการทดลองแบบสุ่มควบคุมในคนยังจำกัดและผลยังไม่แน่ชัด ดังนั้นจึงควรมองคอมบูชาเป็น “เครื่องดื่มที่อาจมีประโยชน์” ไม่ใช่ยารักษาโรค.

ในกระบวนการนี้จะเกิดสารสำคัญหลายชนิด จากงานวิจัยของ Jayabalan et al. (2014) และ Marsh et al. (2014) ระบุว่า ความหลากหลายของจุลินทรีย์ในคอมบูชะ มีมากและขึ้นอยู่กับวัตถุดิบ ชา น้ำตาล และอุณหภูมิที่ใช้หมัก

สารสำคัญที่ให้ประโยชน์อะไรบ้าง ? ที่อยู่ใน  คอมบูชะ 

  • กรดอินทรีย์   เช่น acetic acid (กรดน้ำส้มสายชู), gluconic, glucuronic acid  เกิดจากการหมักและเป็นตัวให้รสเปรี้ยว มีรายงานเชิงห้องปฏิบัติการว่าบางกรดมีกิจกรรมต้านจุลินทรีย์และมีบทบาทในการเมตาบอไลต์บางชนิด
  • โพลีฟีนอล (จากชา) สารต้านอนุมูลอิสระที่รู้จักในชาดำ/ชาเขียว ยังคงมีอยู่ในคอมบูชาและเสริมฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
  • จุลินทรีย์ (SCOBY)  ประกอบด้วยแบคทีเรียกลุ่ม Gluconacetobacter/Komagataeibacter และยีสต์หลากหลายชนิด — แต่สัดส่วนและชนิดแตกต่างมากตามแหล่งและกระบวนการหมัก (แต่ละขวดมี “ไมโครไบโอมเฉพาะตัว”)
  • วิตามินและสารอาหารรอง — เช่น วิตามินบีบางชนิด มีรายงานแต่ปริมาณผันแปรตามกระบวนการ.

ประโยชน์ของคอมบูชะ และ การพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์

ประโยชน์ที่วิทยาศาสตร์พบ (แต่ยังไม่สรุปสุดท้าย)

✅ ต้านอนุมูลอิสระ (Antioxidant)

คอมบูชะ มีสารต้านอนุมูลอิสระจากชา และสารที่เกิดจากการหมัก เช่น catechin, theaflavin และกรดอินทรีย์ งานทดลองในห้องปฏิบัติการและในสัตว์บางชิ้นพบว่าช่วยลดภาวะเครียดออกซิเดทีฟ และปกป้องเซลล์จากความเสียหายของอนุมูลอิสระได้บางส่วน

✅ ต้านจุลชีพ (Antimicrobial)

กรด acetic และ polyphenols ในคอมบูชาสามารถยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียก่อโรคบางชนิด เช่น E. coli และ Salmonella ได้ในระดับห้องปฏิบัติการ แต่ยังไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนในมนุษย์

✅ ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร

จุลินทรีย์ใน SCOBY และกรดอินทรีย์บางชนิดอาจช่วยปรับสมดุลจุลชีพในลำไส้ ส่งผลให้ระบบย่อยอาหารดีขึ้น งานวิจัยแบบ systematic review (MDPI, 2024) สรุปว่า “คอมบูชาอาจช่วยเสริมสุขภาพทางเดินอาหารได้ในระดับหนึ่ง” แต่ยังขาดการศึกษาทางคลินิกที่มีขนาดใหญ่พอ

✅ ผลต่อเมแทบอลิซึมและระบบภูมิคุ้มกัน

งานวิจัยในสัตว์ทดลองบางชิ้นพบว่า การดื่มคอมบูชาอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและน้ำตาลในเลือด แต่ผลลัพธ์ในมนุษย์ยังไม่แน่นอน และต้องมีการศึกษาควบคุมเพิ่มเติม

สิ่งที่ควรรู้ ในการดื่ม kombucha 

  • คอมบูชะ ที่หมักเองมีโอกาสปนเปื้อนเชื้อราและแบคทีเรียก่อโรคได้ง่าย หากอุปกรณ์ไม่สะอาด
  • เครื่องดื่มบางยี่ห้ออาจมีน้ำตาลและแอลกอฮอล์มากเกินไป
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ หญิงตั้งครรภ์ เด็กเล็ก หรือผู้ป่วยโรคตับ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนดื่ม
  • การดื่มมากเกินไปอาจทำให้ท้องอืดหรือคลื่นไส้ได้

เริ่มต้นอย่างปลอดภัยคือ “วันละไม่เกิน 120 มิลลิลิตร”


คู่มือการเลือกซื้อ คอมบูชะ อย่างไรให้ได้ประโยชน์สูงสุด

  • อ่านฉลาก หรือตรวจสอบข้อมูลจากผู้ขาย ถึงส่วนประกอบ 
    นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อคอมบูชา
  • เข้มงวดเรื่องปริมาณน้ำตาล : ในกระบวนการหมัก คอมบูชะ จะต้องใช้น้ำตาลเพื่อเป็นอาหารของ SCOBY และเมื่อถึงกำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม น้ำตาลจะถูก Scoby กินไปจนเหลือน้อยมากๆ  …..   ** แต่ผู้ผลิตบางราย มักเติมน้ำตาลเพิ่ม หลังจากกระบวนการหมักเสร็จสิ้นแล้ว เพื่อปรับรสชาติให้ถูกปากผู้บริโภค  ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง 

คำแนะนำ: พยายามเลือกผลิตภัณฑ์ ที่มีปริมาณน้ำตาล ไม่เกิน 8 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค (Serving) หรือน้อยกว่านั้น หากผลิตภัณฑ์นั้นมีการเติมน้ำผลไม้เยอะ ให้ระวังน้ำตาลที่มาจากผลไม้ด้วย …

  • ส่วนประกอบหลักคือหัวใจหลัก : ควรเริ่มต้นด้วย ชา (ชาดำ/ชาเขียว), น้ำ, และ SCOBY/หัวเชื้อคอมบูชา ส่วนผสมอื่น ๆ หากมี  ควรเป็น  ผลไม้สด หรือ น้ำผลไม้แท้ หรือ สมุนไพร/เครื่องเทศธรรมชาติเพื่อปรุงรส
  • ข้อควรระวัง : ควรหลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์ที่มีการเติม สารให้ความหวานสังเคราะห์ (Artificial Sweeteners) หรือ สารปรุงแต่งรส/สี (Artificial Flavors/Colors)

ตรวจสอบสถานะ “มีชีวิต” (Live & Active Cultures)

จุดเด่นหลักของคอมบูชะ  คือการเป็นแหล่งของจุลินทรีย์มีชีวิต 

  • มองหาคำเหล่านี้ : ตรวจสอบฉลาก หรือ ข้อมูลสินค้า เพื่อดูคำว่า “Raw” (ดิบ), “Unpasteurized” (ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์), หรือ “Contains Live and Active Cultures” (มีจุลินทรีย์มีชีวิตและออกฤทธิ์)
  • การพาสเจอร์ไรซ์ : หากคอมบูชะ ผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ (Pasteurized) ความร้อน จะ ทำลาย แบคทีเรียและยีสต์ที่มีชีวิต (รวมถึงโพรไบโอติก) ทำให้มันมีอายุเก็บรักษานานขึ้น และรสชาติคงที่  ได้โดยไม่ต้องแช่เย็น แต่คุณจะไม่ได้ประโยชน์จากจุลินทรีย์มีชีวิตเหล่านี้ เลย ….
  • ตะกอน (Sediment) : การมีตะกอนเล็กน้อย ที่ก้นขวดถือเป็นเรื่องปกติ และบ่งชี้ว่าผลิตภัณฑ์นั้น อาจจะยังคงมีจุลินทรีย์ที่ทำงานอยู่

วิธีการเก็บรักษา (Refrigeration)

  • ต้องแช่เย็นเสมอ : คอมบูชะ ที่มีจุลินทรีย์มีชีวิต จะต้องถูกเก็บไว้ใน ตู้เย็น เสมอ หากผู้ผลิต เก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง (Shelf-Stable) นั่น ….  อาจหมายความว่า :
    • มันถูกพาสเจอร์ไรซ์แล้ว ( ไม่มีโพรไบโอติกมีชีวิต )
    • หรือปริมาณยีสต์และแบคทีเรีย ถูกควบคุมให้ไม่ทำงาน (ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพลง)
  • เหตุผล: การเก็บในตู้เย็นช่วย ชะลอการหมัก ไม่ให้เกิดแอลกอฮอล์หรือกรดมากเกินไป และรักษาชีวิตของจุลินทรีย์

การปรุงแต่งรส (Flavoring)

  • เลือกความบริสุทธิ์ : หากคุณต้องการรสชาติ ที่เป็นธรรมชาติที่สุด แนะนำให้เลือกคอมบูชา ที่ไม่ปรุงแต่งรส ( Original/Classic )  หรือหากจะเสริมรสและกลิ่น ควรปรุงแต่งด้วย ส่วนผสมจากธรรมชาติ 100% (เช่น น้ำขิงแท้, น้ำเบอร์รี่แท้, สมุนไพร , ผลไม้ ออแกนิก)
  • ความซ่า (Carbonation)  : ความซ่าในคอมบูชะ  ควรมาจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติระหว่างกระบวนการหมักครั้งที่สอง (F2) หากมีการเติมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์  เข้าไป อาจส่งผลต่อรสชาติที่ซ่าเกินไปและไม่เป็นธรรมชาติ

 ข้อควรระวังเพิ่มเติมในการเลือกผลิตภัณฑ์

  • โฆษณาเกินจริง : อย่าเชื่อคำกล่าวอ้างที่ดู “มหัศจรรย์” เช่น “รักษาได้ทุกโรค” เพราะอย่างที่กล่าวไปแล้ว งานวิจัยในมนุษย์ยังมีจำกัด
  • ราคา  : คอมบูชาที่มีคุณภาพสูงมักจะมีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบ (ชาออร์แกนิก) และกระบวนการหมักที่ใช้เวลานาน (Slow Fermentation)

การเลือกคอมบูชะ ที่ดีที่สุดคือ  การเลือกผลิตภัณฑ์ที่มี น้ำตาลต่ำ และ คงสภาพจุลินทรีย์มีชีวิต ไว้ให้มากที่สุดครับ

สิ่งที่ควรรู้ ในการดื่ม kombucha
KOMBUCHA เครื่องดื่มโพรไบโอติกส์ ชาหมักคอมบูชะ ขนาด 240 ml. ซื้อ 3 ขวดคุ้มกว่า (เลือกรสชาติได้) ไม่ผ่านกระบวนการกรอง หรือพาสเจอไรซ์ – Raw fermented homemade

 

อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โปรไบโอติก (Probiotics)

โปรไบโอติก (Probiotics) คืออะไร ? จุลินทรีย์ดีเพื่อสุขภาพ ที่ซ่อนอยู่ใน “คอมบูชะ”

 

ข้อมูลอ้างอิง

  1. Jayabalan, R., Malbaša, R. V., Lončar, E. S., Vitas, J. S., & Sathishkumar, M. (2014). A review on kombucha tea—Microbiology, composition, fermentation, beneficial effects, toxicity, and tea fungus. Comprehensive Reviews in Food Science and Food Safety. PubMed

  2. Marsh, A. J., O’Sullivan, O., Hill, C., Ross, R. P., & Cotter, P. D. (2014). Sequence-based analysis of the bacterial and fungal compositions of multiple kombucha (tea fungus) samples. Food Microbiology. PubMed

  3. Dufresne, C., & Farnworth, E. (2000). Tea, kombucha, and health: a review. Food Research International. ScienceDirect

  4. “Kombucha Tea—A Double Power of Bioactive Compounds” (review, PMC). PMC

  5. MDPI (2024). Benefits of Kombucha Consumption: A Systematic Review of… — สรุปหลักฐานคลินิกและการทดลองของมนุษย์; แนะนำ RCTs เพิ่มเติม. MDPI

  6. งานวิจัย/รีวิวอื่น ๆ ใน PMC/NIH ที่รวบรวมเรื่องการผลิต ความปลอดภัย และมาตรฐานเทคโนโลยีการผลิต kombucha. PMC+1



Cultures of Fermented 
by Scoby Doit
Previous Article