miscellaneous, Thai Book Review แนะนำหนังสือ, Uncategorized

๑๕ ปีการครองราชย์ ชีวิตของสมเด็จพระเจ้าตากสิน กรุงทณบุรีศรีมหาสมุทร

          กรุงธนบุรี ๒๕๐ ปี นับจากตลอดระยะเวลา ๑๕ ปีของการครองราชย์ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช  ไม่เคยได้หยุดพักกับการก่อร่างสร้างเมืองกรุงธนบุรีเลย พระองค์ทรงตรากตรำกับการสู้รบเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทยไว้ และนับได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีความเป็นปึกแผ่น และมีความมั่นคงอีกยุคสมัยหนึ่ง นั่นเป็นเพราะพระปรีชาสามารถ ความกล้าหาญ ความเด็ดขาดของพระองค์ กรุงธนบุรี จึงเป็นอีกอาณาจักรของประเทศไทย ที่มีความสำคัญต่อเนื่องจวบจนถึงปัจจุบัน และความเสียสละของพระองค์ จึงเป็นสิ่งที่เราคนไทยทุกคน ควรตระหนักและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอยู่เสมอว่าหากไม่มีพระองค์ แผ่นดินไทยของเรา อาจจะไม่มีวันนี้

กรุงทณบุรีศรีมหาสมุทร
พระยาตากได้รวบรวมกำลังตีฝ่าวงล้อม ของพม่าไปตั้งมั่น เพื่อที่จะกลับมากู้เอกราช

         สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี หรือ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตามประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า พระองค์ทรงเป็นลูกหลานคนไทยเชื้อสายจีน บิดาชื่อ นายไหยฮอง หรือ นายหยง แซ่แต้ นายอากรบ่อนเบี้ยในสมัยแผ่นดินของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ยุคกรุงศรีอยุธยา มารดาชื่อ นางนกเอี้ยง สตรีชาวไทย ที่มีที่พำนักอาศัยอยู่ใกล้กับบ้านเจ้าพระยาจักรี (ครุฑ) หรือ จักรีโรงฆ้อง

          สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เดิมมีชื่อว่า สิน ซึ่งเป็นชื่อที่ เจ้าพระยาจักรี (ครุฑ) ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ตั้งให้ โดยว่า เมื่อแรกเด็กชายสินเกิด มีงูเหลือมขนาดใหญ่มาเลื้อยพันตัว จนบิดา นายไหยฮอง เห็นเข้า จึงเกิดความกลัวและมีความคิดจะนำไปทิ้งให้ไกลบ้าน เพราะเกรงจะเป็นลางไม่ดีต่อตระกูล เมื่อเจ้าพระยาจักรี (ครุฑ) ทราบเรื่อง จึงได้ขอรับเลี้ยงไว้เป็นบุตรบุญธรรม จนเติบใหญ่ เด็กชายสิน นำพาแต่ความเจริญมั่งคั่ง โชคลาภ มาให้แก่เจ้าพระยาจักรี เจ้าพระยาจักรีจึงตั้งชื่อให้ว่า สินพระเจ้าตากสิน

 

    ชีวิตของ สมเด็จพระเจ้าตากสิน มีความโลดโผน และได้รับโอกาสอันดีหลายครั้ง ได้ร่ำเรียนหนังสือ มีวิชาความรู้ และเก่งกาจเรื่อง การสู้รบ สามารถเอาชนะข้าศึกได้ด้วยกลยุทธิ์การรบในรูปแบบของตนเอง จนได้รับการแต่งตั้งให้ได้ยศถาบรรดาศักดิ์ เป็นเจ้าเมือง และได้รับการยกย่องสืบมา ด้วยวีรกรรมอันกล้าหาญของพระองค์ จากเด็กชายสิน สู่ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งรัชสมัย กษัตริย์ ๑ เดียว แห่งอาณาจักร กรุงทณบุรีศรีมหาสมุทร ตลอดระยะเวลา ๑๕ ปี แห่งการครองราชย์ แม้พระองค์จะต้องทำศึกสงครามตลอดรัชสมัย แต่พระองค์ก็ไม่เคยทอดทิ้ง การบริหารราชการ การปกครองแผ่นดินด้วยความเป็นธรรม การติดต่อค้าขาย ทำการค้ากับประเทศจีน จนได้รับการยอมรับจากจักรพรรดิจีน การฟื้นฟูทำนุบำรุงพระศาสนา แม้แต่ในด้านกวีนิพนธ์ ก็มีปรากฎว่าทรงมีพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ ด้วย เป็นบทรามเกียรติ์ฉบับพระองค์ ที่มีทั้งหมด ๔ ตอน ได้แก่ ตอนพระมงกุฎประลองศร ตอนหนุมานเกี้ยวนางวาริน ตอนท้าวมาลีวราชว่าความ และตอนทศกัณฐ์ตั้งพิธีทรายกลด รามเกียรติ์ฉบับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นฉบับพิเศษที่แสดงให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพของพระองค์ที่ผู้คนน้อยนักจะทราบว่าทรงมีพระปรีชาสามารถในด้านนี้เช่นกัน

            ในช่วงรัชสมัยของพระองค์ เป็นที่แน่นอนว่า มีขุนศึกคู่พระทัยเกิดขึ้นมากมายเช่นกัน และหลายท่านที่คนยุคปัจจุบันอาจจะไม่เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนาม แต่ขุนศึกเหล่านี้ได้ทำหน้าที่รบเคียงบ่าเคียงไหล่ ปกป้องผืนแผ่นดินไทยพร้อมกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมาด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าพระยาจักรีแขก(หมุด) พระยาพิชัยดาบหัก ท้าวทรงกันดาล เจ้าเมืองพัทลุง ขุน คางเหล็ก เป็นต้น

 

           แม้ในช่วงปลายรัชสมัย จะมีความวุ่นวายเกิดขึ้นมากมายและมีข้อกังขาในเรื่องพระราชประวัติของพระองค์อยู่มากก็ตามที แต่วีรกรรมอันกล้าหาญของพระองค์ ทำให้คนไทยทุกวันนี้ประจักษ์ถึงความเสียสละ และพระมหากรุณาธิคุณที่ไม่อาจลืมเลือนได้เลย มีประวัติศาสตร์ที่มาอันหลากหลายกล่าวกันว่า ในช่วงปลายรัชสมัย พระองค์ทรงมีพระสติวิปลาส ด้วยทรงเข้าถึงธรรมมากเกินไป จนสั่งประหารข้าบริพารไปบ้าง กักขังสมเด็จพระสังฆราชที่ไม่เห็นพ้องกับพระองค์ แต่ในขณะเดียวกันก็มีบางพงศาวดารบอกกล่าวว่า ทรงเข้าถึงฌาณขั้นสูง และปรารถนาที่จะออกบวชเพื่อหาทางสงบสุขและพ้นทุกข์ หรืออีกเหตุผลหนึ่งทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ คือ ด้วยลักษณะและบุคลิกของพระองค์ ซึ่งมีความมั่นพระทัยในความคิด ความชัดเจนและความเป็นตนเองสูง จึงทำให้วิธีการคิด การจัดการ บริหารราชการดูแปลกแยกจากธรรมเนียมปฏิบัติที่เคยเป็นมา จนทำให้ข้าราชบริพารบางคนเข้าใจว่าทรงมีสติฟั่นเฟือน

 

แนะนำหนังสือน่าอ่าน ค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม

หนังสือ ตามรอยพระเจ้าตากสิน
หนังสือ”ตามรอยสมเด็จพระเจ้าตากสินและขุนนางคู่พระทัย ใครเป็นใครในวันยึดกรุงธนบุรี” เล่มนี้ ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นโดยศึกษาวิเคราะห์จากพระราชพงศาวดาร เอกสารทางประวัติศาสตร์ เรื่องเล่าและตำนาน จากลูกหลานของบุคคลผู้เคยสนองพระเดชพระคุณ และมีความใกล้ชิดกับสมเด็จพระเจ้าตากสินในรัชสมัยกรุงธนบุรี เพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลอง 250 ปี แห่งการประกาศเอกราชของสมเด็จพระเจ้าตากสิน

 

<< สั่งซื้อหนังสือ ทางออนไลน์ >>

 

          นอกจากนี้ประวัติศาสตร์บางแหล่ง ซึ่งเป็นพงศาวดารฉบับชาวบ้าน ยังบอกกล่าวได้อย่างน่าสนใจในอีกมุมหนึ่ง และมีความน่าเชื่อถือเพราะพบหลักฐานและมีความเป็นไปได้อย่างยิ่งว่า พระองค์ทรงปรารถนาในทางธรรม จึงได้เสด็จหนีไปผนวชอยู่ที่วัดถ้ำเขาขุนพนม จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งในอดีตเมื่อ ๒๐๐ กว่าปีก่อน เป็นพื้นที่ป่าดงดิบ เข้าถึงยากและการเดินทางไม่ง่ายเช่นในปัจจุบัน หลักฐานที่พบนั้น จึงมีความเป็นไปได้ว่า พระองค์ทรงเคยประทับและเสด็จสวรรคตที่นี่จริงๆ นั่นคือ การพบพระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน เพชรนิลจินดา พระพุทธรูปสัมฤทธิ์ พระพุทธรูปจำลองศิลปะสมัยอยุธยาตอนกลาง รวมถึงข้าวของเครื่องใช้โบราณ เช่น จานชามลวดลายจีน และอาวุธเป็นจำนวนมาก ในบริเวณพระตำหนักที่ประทับด้านบน ปัจจุบันวัตถุโบราณที่ขุดพบที่นี่ ถูกเก็บรักษาที่พิพิธภัณฑ์วัดเขาขุนพนม ซึ่งข้าวของเครื่องใช้โบราณที่พบเจอ ยังเป็นชิ้นงานที่งดงาม ลวดลายสวยงาม และมีคุณค่า ซึ่งมีความเป็นไปไม่ได้ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ที่ชาวบ้านทั่วไปใช้กัน และที่น่าสนใจที่สุด คือ กริชโบราณที่มีความวิจิตรงดงามอยู่เล่มหนึ่ง ความยาวประมาณเกือบ ๑ ฟุต เป็นเหล็กน้ำพี้ผสมสัมฤทธิ์เนื้อดี ตรงด้ามจับเป็นหัวพญานาค และมีอักษาอักขระโบราณที่ตัวกริช จึงสันนิษฐานในเบื้องต้นว่า กริชเล่มนี้อาจจะเป็นศาสตราวุธประจำพระองค์

      หากกล่าวถึงกริช จะขอกล่าวถึงศาสตราวุธประจำพระองค์ประเภทนี้กันสักนิด ด้วยว่า กริช ที่มีความสำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย คือ พระแสงกริชประจำพระองค์ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ที่ทรงใช้ในการทำลายกําแพงเมืองจันทบูร หรือจ.จันทบุรี ในปัจจุบัน ในค่ำคืนที่พระองค์ทรงสั่งไพร่พลให้ทุบหม้อข้าว ดังความในพระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศว่า

“…เสด็จทรงช้างพระที่นั่งพังคิรีกุญชรฉัททันต์ เข้าทะลายประตูใหญ่ เหล่าทหารซึ่งรักษาประตูและป้อมเชิงเทินนั้นก็ยิงปืนใหญ่น้อยดุจห่าฝน แลจะได้ถูกต้องโยธาผู้ใดผู้หนึ่งหามิได้ กระสุนปืนลอดท้องช้างพระที่นั่งไป ควาญช้างจึงเกี่ยวไว้ให้ช้างพังคิรีกุญชรถอยออกมา พระเจ้าอยู่หัวทรงพระโกรธเงื้อพระแสงจะลงพระราชอาชญา นายควาญช้างขอพระราชทานโทษได้ จึงทรงพระแสงกฤช (กริช) แทงพังคิรีกุญชรขับเข้าทะลายประตูพังลง…”

ด้วยเหตุคำบอกเล่าทางประวัติศาสตร์จากหลายสาเหตุ จึงพอจะสรุปเบื้องต้นได้ว่า ที่ทรงถูกประหารด้วยท่อนจันทน์อาจไม่เป็นความจริง อย่างไรก็ตาม การเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ไม่ได้นำมาแต่ความโศกเศร้าของพสกนิกรชาวไทยในช่วงเวลานั้นแต่เพียงเท่านั้น ความโศกเศร้า และรำลึกในวีรกรรมอันกล้าหาญของพระองค์ยังเป็นที่ปรากฎหลักฐานอยู่ในประเทศจีนอีกด้วย

(郑王, เจิ้งหวาง) ซึ่งมีความหมายว่า กษัตริย์แซ่แต้

        ด้วยความที่ทรงเป็นลูกหลานชาวจีนแต้จิ๋ว บิดาของท่านมีชาติกำเนิดอยู่ที่เมือง เท้งไฮ่ เมืองซัวเถา ประเทศจีน ชาวจีนในเมื่อเท้งไฮ่ต่างให้ความเคารพและเทิดทูนสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเป็นอย่างมาก มีสถานที่ สุสานของพระองค์ประดิษฐานอยู่ที่เมืองนี้ เป็นสุสานขนาดใหญ่ ซึ่งชาวจีนในซัวเถา รวมถึงมูลนิธิของคนไทย และวัดจีนในซัวเถา ต่างร่วมมือกันดูแล จัดสร้างเพิ่มเติมให้ยิ่งใหญ่และสมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสกรุงธนบุรีครบ ๒๕๐ ปี ในปีพุทธศักราช ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา มีหลายหน่วยงานได้เข้าไปดูแล จนปัจจุบัน สุสานของพระองค์ได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทีสำคัญของทางจังหวัด ทั้งคนไทย และชาวจีนที่มีความเลื่อมใสในพระองค์ เดินทางไปท่องเที่ยวและแวะกราบไหว้พระองค์ไม่ขาดสาย

     คนจีนในเท้งไฮ้ ตั้งแต่บรรพบุรุษมา ต่างบอกเล่ากันต่อๆมาว่า สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นลูกหลานชาวจีนที่กล้าหาญ สามารถเอาชนะข้าศึกศัตรู ปกป้องให้สยามรอดพ้นจากอันตรายมาได้อย่างเข้มแข็ง และยังยกย่องว่าเป็นลูกหลานชาวจีนที่มีความเจริญก้าวหน้า จนได้เป็นถึงพระมหากษัตริย์แห่งสยาม อาณาจักรที่รุ่งเรืองแห่งหนึ่งของโลกในเวลานั้น ชาวจีนต่างขนานนามพระองค์ว่า แต่อ๊วง (郑王, เจิ้งหวาง) ซึ่งมีความหมายว่า กษัตริย์แซ่แต้

สุสานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในเมืองเท้งไฮ่ ไม่ได้บรรจุพระบรมอัฐิของพระองค์ แต่บรรจุเพียงฉลองพระองค์ และพระมาลา เปรียบเป็นตัวแทนพระองค์ที่ข้าราชบริพารได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลเพื่อนำมามอบให้ชาวจีนในเมืองเท้งไฮ่ ซึ่งเป็นบ้านเกิดของบิดา นายหยง แซ่แต้ ได้กราบไหว้ หลังสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จสวรรคต ในพื้นที่สุสาน มีซุ้มประตูจีนขนาดใหญ่และมีจารึกไว้ว่าเป็นสวนสาธารณะสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และเปิดเป็นพื้นที่สาธารณะให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชม

 สุสานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชในเมืองเท้งไฮ่

      ไม่ว่าประวัติศาสตร์จะระบุ หรือ บันทึกชีวิตในบั้นปลายของพระองค์ไว้เช่นใด สิ่งที่สำคัญและพึงระลึกถึงเสมอ คือ พระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่ทรงทุ่มเทพระวรกายอย่างเหลือพระกำลังในการกอบกู้แผ่นดินไทยให้กลับคืนมา ไล่ผู้บุกรุก อริราชศัตรูออกไปจากแผ่นดินจนสิ้นภายในระยะเวลาเพียง ๘ เดือนเท่านั้น ตลอดรัชสมัยถึง ๑๕ ปี ของการครองราชย์ ทรงเป็นเสมือนผู้ปกป้องคุ้มภัยให้กับอาณาประชาราษฎร์สืบมา และไม่ได้ทรงทำแต่ศึกสงคราม ปกป้องผืนแผ่นดินไทยไม่ให้ใครมารุกล้ำเพียงเท่านั้น ยังทรงบริหารราชการแผ่นดิน ฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี เฉกเช่นที่ กรุงศรีอยุธยาได้เคยมีมาอย่างครบถ้วน หากไม่มีสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงคิดกอบกู้บ้านเมืองในเวลานั้น แผ่นดินไทยทุกวันนี้ คงยากจะคาดเดาว่าเราจะอยู่ภายใต้อาณานิคมของชาติใด หรือประเทศไทยของเราอาจจะต้องเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ใหม่จนอาจจะทำให้เราไม่หลงเหลือรากเหง้าความเป็นไทยเช่นเดิม ก็เป็นได้

สรุปเหตุการณ์

Reference

พระราชพงศาวดารกรุงธนบุรี ฉบับพันจันทนุมาศ (เจิม)

คุณปเรตร์ อรรถวิภัชน์ หนังสือตามรอยสมเด็จพระเจ้าตากสินและขุนนางคู่พระทัย

www.wangdermpalace.org/

พจ Facebook: มูลนิธิสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช

ประชาสัมพันธ์
 เครื่องดื่ม โพรไบโอติก Probiotics-n1
KOMBUCHA BY SCOBY DO IT เครื่องดื่มที่ผ่านกระบวนการหมัก มีสรรพคุณทางยา โดยมี “จุลินทรีย์ โพรไบโอติก Probiotics” ที่เป็นพระเอกของเครื่องดื่มชนิดนี้

ภาพสุสานสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช จากคุณ ยาหยอดตา https://pantip.com/topic/37226326

พระราชนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช บทละครเรื่องรามเกียรติ์ ในกรมศิลปากร

จาก “เมืองท่าหน้าด่าน” สู่ความเป็น “เมืองราชธานี” โดย : วิยะดา ทองมิตร 

กรุงธนบุรีในแผนที่พม่า : ศิลปวัฒนธรรม ฉบับกรกฎาคม 2543

https://www.silpa-mag.com/club/miscellaneous/article_10542

 

 



Cultures of Fermented 
by Scoby Doit
Previous ArticleNext Article